เตรียมพบโฉมใหม่ 'ร้านอาหารไทย จิม ทอมป์สัน' Thai Cuisine Vibe Dining แห่งแรกของไทย

ในกลางปีนี้ ร้านอาหารไทย Jim Thompson, A Thai Restaurant ก็จะกลับมาเปิดให้บริการพร้อมคอนเซ็ปต์และประสบการณ์ใหม่ในการรับประทานอาหาร ซึ่งถือเป็นส่วนสุดท้ายของการรีโนเวทภายในพื้นที่ Jim Thomson Heritage Quarter (จิม ทอมป์สัน เฮอริเทจ ควอร์เตอร์) ตอกย้ำการเป็นไลฟ์สไตล์แบรนด์ที่โดดเด่นระดับดับโลก (Iconic global lifestyle brand from Thailand) 

แฟรงก์ แคนเซลโลนี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท อุตสาหกรรมไหมไทย จำกัด (จิม ทอมป์สัน) เล่าว่า การปรับปรุงร้านอาหารไทยครั้งนี้ นับเป็นการเปิดตำนานบทใหม่หลังจากเปิดให้บริการมายาวนานถึง 15 ปี โดยชี้ให้เห็นว่า Vibe Dining เป็นเทรนด์ที่กำลังขยายไปทั่วโลก ซึ่งเป็นสไตล์ใหม่ในการรับประทานอาหาร แต่ยังไม่มีร้านอาหารไทยที่นำเสนอในรูปแบบนี้ ดังนั้น จิม ทอมป์สัน จึงต้องการสร้างสรรค์ Thai cuisine vibe dining แห่งแรกของไทย 

ขณะที่แนวคิดการออกแบบได้แรงบันดาลใจมาจากจิตวิญญาณที่เปี่ยมด้วยอัธยาศัยไมตรีของจิม ทอมป์สัน ผู้เปิดบ้านรับรองแขกคนดังมากมายในอดีต ไม่ว่าจะเป็นนักเขียน นักการทูต รวมไปถึงดาราฮอลลีวูด ต่างก็ได้ลิ้มลองเมนูอาหารไทยชั้นเลิศที่บ้านขอ งจิม ทอมป์สัน มาแล้วทั้งสิ้น ร้านอาหารไทยโฉมใหม่จะถูกดีไซน์ในสไตล์ร่วมสมัยมากขึ้น ด้วยการเลือกใช้เครื่องเรือนที่งดงามตระการตา และมีหลากหลายโซนที่จะชวนลูกค้ามาเพลิดเพลินทั้งกลางวันและกลางคืน รวมไปถึงห้องจัดงานอเนกประสงค์ด้วย

 

โซนรับประทานอาหารกลางวัน ให้ผู้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ได้แวะพักผ่อนหย่อนใจหลังเที่ยวและช้อปปิ้งกันอย่างเต็มอิ่มแล้ว โดยร้านอาหารจะเสิร์ฟเมนูอาหารไทยรสชาติต้นตำรับให้ทุกคนได้อิ่มท้อง พร้อมรับลมเย็นริมน้ำและชมปลาคาร์ฟในบรรยากาศแสนร่มรื่น

ช่วงบ่าย พักผ่อนหย่อนใจยามบ่ายในสไตล์ของ จิม ทอมป์สัน ชวนทุกคนมาจิบชาและรับประทานของว่าง ณ OSS (High Tea) ในบรรยากาศที่มองเห็นบ้านไทย จิม ทอมป์สัน อย่างชัดเจนท่ามกลางสวนสวยร่มรื่น 

มื้อเย็น พบกับเมนูครบรสชาติที่จัดเต็มกับลิสต์ไวน์ชั้นเลิศและดนตรีไพเราะ พร้อมพานักชิมสัมผัสรสชาติที่แปลกใหม่อย่างลงตัวกับอาหารโปรเกสซีฟไทยและเมนูเพื่อการลิ้มลอง (Degustation Menu) โดยเชฟมากฝีมือ พร้อมครัวแบบ Open Kitchen เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์การรับประทานอาหารอันน่าตื่นตาตื่นใจ

ส่วนยามค่ำคืนก็มาชิลล์ๆ กับบาร์สุดฮิปแห่งใหม่ “The OSS Bar” ที่ชื่อมาจาก The Office of Strategic Services (OSS) หน่วยสืบราชการของสหรัฐฯ ที่ก่อตั้งขึ้นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ดื่มด่ำกับค็อกเทลรสชาติเยี่ยมรังสรรค์โดย Mixologist ผู้ช่ำชองการออกแบบเมนู แต่ละแก้วได้แรงบันดาลใจจากประวัติศาสตร์ในยุคนั้นเพื่อสร้างเสน่ห์และกลิ่นอายแห่งวันวาน เคล้าคลอไปกับดนตรีสดในบรรยากาศสุดคลาสสิก ท่ามกลางบรรยากาศริมน้ำอันแสนงดงามน่าประทับใจ

นอกจากนี้ ยังมีห้องจัดงานที่ตกแต่งอย่างสวยงามและครบครันด้วยฟังก์ชั่นและอุปกรณ์ทันสมัย ทั้งจอ LED ความละเอียดสูง และอุปกรณ์เพื่อการประชุมทางไกล เพื่อรองรับอีเว้นต์หลากหลายรูปแบบ อาทิ งานแต่งงาน งานสัมมนา และการประชุมผู้บริหาร โดยห้องจัดงานสามารถรองรับแขกได้ 50 ท่านสำหรับงานสัมมนา 100 ท่านสำหรับงานเลี้ยงมื้อเย็นส่วนตัว และ 150 ท่านสำหรับงานเลี้ยงค็อกเทล พร้อมพื้นที่ระเบียงส่วนตัวท่ามกลางทิวทัศน์ริมคลอง 

เดิมแบรนด์จิม ทอมป์สัน มีกลุ่มเป้าหมายเป็นนักท่องเที่ยวหรือกลุ่มทัวร์ แต่ได้ปรับกลยุทธ์ใหม่โดยนำเสนออาหารและเครื่องดื่มให้มีหลากหลายราคา เพื่อให้บริการทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติและลูกค้าชาวไทย 

แฟรงก์ บอกว่า ปัจจุบัน จิม ทอมป์สัน กำลังทรานสฟอร์มจากแบรนด์ผ้าไหมไทยระดับตำนาน ที่ถือกำเนิดตั้งแต่ปี 1951 ไปสู่ไลฟ์สไตล์แบรนด์ระดับโลกที่ประกอบด้วย 3 ธุรกิจหลัก คือ Fashion,  Home Furnishing and hospitality ภายใต้ Tagline: Beyond Silk 

Jim Thompson Heritage Quarter เปิดโซนต่างๆ ให้เข้าชมตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น Jim Thompson House Museum, Museum About the Man นิทรรศการจัดแสดงเส้นทางและตัวตนของจิม ทอมป์สัน, Home Furnishing Exhibition พื้นที่จัดแสดงวิวัฒนาการสิ่งทอของจิม ทอมป์สัน, The Jim Thompson Art Center แหล่งรวมพลของเหล่าศิลปินและชุมชนทางวัฒนธรรม และ The Iconic Store ไลฟ์สไตล์สโตร์ใหม่ที่นำเสนอผลิตภัณฑ์จากหลากหลายคอลเล็กชั่นของแบรนด์ จิม ทอมป์สัน ตลอดจนคอลเล็กชั่นพิเศษที่ร่วมออกแบบกับเหล่าดีไซเนอร์ชั้นนำ ทำให้ Jim Thompson Heritage Quarter กลายเป็นจุดหมายสำหรับไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ (Lifestyle Destination) ใจกลางกรุงเทพฯ