ชิมอาหารอิตาเลียนสูตรดั้งเดิม with a twist ที่ “บ้านเพื่อน” เคล้างานอาร์ตในบ้านไม้สไตล์โก้หรูแต่เรียบง่าย

บ้านไม้สวยสองชั้นใจกลางกรุงพร้อมสวนสวยหาได้ไม่ง่าย แต่ร้านอิตาเลียนชื่อจำง่าย Da Noi Ristorante & Bar ที่เราจะพาไปรีวิวกันวันนี้ ก็ได้มาเปิดให้บริการที่นี่ ในทำเลที่แสนสะดวกเสียด้วย สถานการณ์โคโรนาไวรัสทำให้บ้านไม้ว่างลงหลังสปาหยุดกิจการ เปิดโอกาสให้ทางร้านดานอยได้ทำเลเหมาะที่บ้านหลังนี้ ตั้งแต่เดือนมกราคม 2564 เปิดบริการให้ฟู้ดดี้ได้ชิมอาหารอิตาเลียนดั้งเดิม ในบรรยากาศเป็นส่วนตัวที่ท้ายซอยสุขุมวิท 31 กัน

การตกแต่งร้านเป็นแบบ industrial minimalistic yet elegant style หนึ่งในหุ้นส่วนของร้านบอกกับเรา เขาใช้สีตัดกันและให้ดูง่ายแต่แพง โดยการตกแต่งออกแบบโดยหุ้นส่วนที่เป็นมัณฑนากร มีทั้งส่วนในร้านและเอ้าท์ดอร์นั่งสบายใกล้สวน นอกจากนี้สายอาร์ตน่าจะถูกใจกับการได้เสพงานภาพเขียนไปพร้อม ๆ กับมื้อโปรด ทางร้านตั้งใจจะเป็นแกลลอรีศิลปะด้วย ซึ่งตั้งแต่เปิดได้แสดงงานของศิลปินไทยมาแล้วสองคนและศิลปินเม็กซิโกอีกหนึ่งคน

ประเดิมปีนี้ทางร้านนำเอางานของศิลปินชาวอิตาเลียน Saverio Lucci มาจัดแสดง ภาพเขียนของเขายิ่งทำให้ร้านยิ่งหรูดูแพงขึ้นไปอีกระดับ portraits สีสดใสต้อนรับแขกอยู่ในห้องอาหาร ใครได้มานั่งดินเนอร์เหมือนได้กำไร เพราะได้เสพงานของศิลปินแบบฟรีๆ และไม่ต้องเดินทางไปไหน

หลายคนคิดว่าชื่อร้านไม่ค่อยฟังแล้วอิตาเลียนเลย แต่เอาเข้าจริงมิสเตอร์ Tullio Ferri หุ้นส่วนร้านก็รู้ว่าฟังแล้วไม่ค่อยเหมือนภาษาอิตาเลียน แต่เขาบอกกับเราว่า “Da Noi” เป็นภาษาอิตาเลียนหมายถึง “our place”  แบบเฟรนลี่กันเอง แบบ ไปไหนต่อกันกี ไปดานอย (บ้านฉัน) กันเถอะ ดังนั้นเมื่อมาร้านนี้จะรู้สึกได้ถึงการต้อนรับที่อบอุ่นราวกับมารับประทานบ้านเพื่อน แต่รสชาติอร่อยแบบตะโกน เพราะผ่านการรังสรรค์ของหัวหน้าเชฟชาวอิตาเลียน จิมมี่ ซึ่งพิถิพิถันในกาปรุงอาหารตั้งแก่การเลือกวัตถุดิบสดใหม่ตามฤดูกาล

เชฟจิมมี่นำเอาเมนูอิตาเลียนดั้งเดิมสูตรเก่าแก่ของบ้านเกิดเชฟที่เมือง Ravenna ไม่ไกลจาก Bologna ทางเหนือของอิตาลี มาอีกด้วย เพื่อให้ทุกคนในครอบครัวได้ลิ้มลองความอร่อยของอาหารอิตาเลียน อาทิ อาหารทานเล่น อย่าง “Fritto Misto” รวมเอาความสดของอาหารทะเลมาทอดตามสูตรของเชฟ อร่อย ได้ทั้งสมาชิกตัวเล็กไปถึงผู้ใหญ่

รสชาติที่ดีแต่ละจานยังมาจากการเฟ้นวัตถุดิบของทางร้าน ซึ่งทางมิสเตอร์  Ferri ย้ำว่าดานอยจะใช้วัตุดิบที่หาได้ในประเทศไทยให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ แต่ยังคงต้องมีการนำเข้าสิ่งที่จำเป็นเช่นพาร์เมซานชีส นอกจากนี้ยังเน้นการทำวัตถุดิบบางตัวเองเช่น มอสเซอเรลลาชีส หรือพาสต้าอย่างราวิโอลี่ แม้แต่ขนมปังก็อบเอง เพราะฉะนั้นของที่ใช้จึงสดใหม่ให้รสชาติเต็ม

ไม่อยากให้รอนาน เราพามาดูเมนูไฮไลท์ของ Danoi หรือ “บ้านเพื่อน” หลังนี้กัน

“Tagliere di Salumi e Formaggi” ซึ่งเป็นเมนู Cold cut และ cheese คัดสรรมาอย่างดี มีทั้ง mortadella pistachio truffle salami, nduja salami, san daniele ham, butcher ham, artichoke, olives, พร้อมชีส percorino romano, gorgonzola และ galbanino จัดมาบน charcuterie board สีดำสวยงาม เสิร์ฟพร้อมแป้งบางอิตาลี “Piadina”, น้ำผึ้ง น้ำส้มบัลซามิก และแยมส้ม ใครชอบโคลด์คัทไม่อยากให้พลาดจานนี้ เพราะวัตถุดิบคือดี ไม่แพ้โรงแรม 5 ดาว

เมนูที่เชฟจิมมี่ และเราไม่อยากให้คุณพลาดคือจานซิกเนเจอร์ของเชฟ “Boat Zucchini” เมนูพิเศษทำให้รู้สึกถึงความอร่อยของซูกีนี่ ยัดไส้ด้วยมะเขือเทศ ราดด้วยมันฝรั่งและเต้าหู้หั่นเต๋า นำไปอบและราดด้วยซอสทรัพเฟิลหอมกรุ่น แม้แต่คนที่ไม่ชอบทานผักยังยอมรับถึงความอร่อย

สำหรับจานเส้น เชฟจิมมี่ขอนำเสนอ “Tagliatelle alla Bolognese” สปาเก็ตตี้ซอสเนื้อที่เชฟรับรองความอร่อยเพราะเป็นสูตรเก่าแก่จากบ้านเกิดเชฟ ถ้าไม่ทานเนื้อก็หันไปลองซอสทรัฟเฟิล ที่เชฟจัดเมนูมาให้เลือกทั้งราวิโอลี่ (home made ) และริซอตโต้ รับรองอร่อยแบบตะโกนอีกแล้ว

ส่วนอาหารจานหลัก (ถ้าคุณยังไปต่อไหว) มีทั้งอาหารทะเลและเนื้อต่างๆ เมนูแนะนำ “Ossubuco” เมนูนี้เป็นอาหารจานพิเศษจากแคว้นลอมบาร์เดีย ทำจากนื้อลูกวัว (veal) ตุ๋นจนได้รสชาติที่อร่อยยอดเยี่ยมพร้อมความนุ่มละลายในปาก เสิร์ฟพร้อมมันบด หรือข้าวริซอตโต้ ตามชอบ

มาถึงเมนูของหวาน “Oops…I broke the tart” ทาร์ตผลไม้สไตล์เชฟจิมมี่ เสิร์ฟพร้อมผลไม้ตามฤดูกาล อาทิ กีวีและสตรอเบอรี่ หรือพลาดไม่ได้สำหรับการมาร้านอาหารอิตาเลียนคือ “Tiramisu” ความดีงามคือความหวานที่ไม่มากจนเลี่ยน 

นอกเหนือจากเมนูมากมายที่จัดมาให้ผู้ที่ชื่นชอบอาหารอิตาเลียน Da Noi Ristorante & Bar ยังนำเสนอเมนูสำหรับทานที่ไม่ทานเนื้อสัตว์มากมายให้เลือกกว่า 20 เมนู ปรุงอย่างพิถีพิถัน รับประทานได้ทั้งผู้ที่ชื่นชอบเนื้อสัตว์ที่อยากลองความอร่อยของผักต่างๆ หรือผู้ที่ชื่นชอบผักจะได้สนุกไปกับเมนู Vegetarian แบบอิตาเลียน

ที่เราอยากแนะนำมาก ๆ คือให้ไปถึงร้านก่อนเวลาดินเนอร์สักหน่อย เพื่อนั่งจิบเครื่องดื่มสวย ๆ ด้านนอกบริเวณสระน้ำ เลือกสั่งเครื่องดื่มพร้อมบรรยากาศแบบ Al Fresco ที่ให้ไปเร็วเพราะจะได้ทันช่วง Happy Hours ทุกวันตั้งแต่เวลา 17.30 – 19.30 น.

สำหรับนักดื่มสายค็อกเทล ขอแนะนำ ค็อกเทลยอดนิยมที่ให้ความสดชื่นอย่าง “Aperol Spritz” หรือจะเลือกความสดชื่นแบบ Cosmopolitan หรือ Mojito ก็มาในราคาน่ารักเริ่มต้นเพียง 150 บาทเท่านั้น

โปรโมชันที่บอก เฉพาะเดือนกรกฎาคมเท่านั้น เพื่อฉลองการกลับมาของการท่องเที่ยวและธุรกิจ นอกจากเสพงานอาร์ตสวย ๆ กับอาหารอร่อยแล้ว ยังมีดนตรีสดมาเพิ่มอรรถรสให้มื้ออาหารอีกขั้น ทุกวันศุกร์หรือวันเสาร์ตั้งแต่ 19.30 น. เป็นต้นไป

++++++

Da Noi Ristorante & Bar

เปิด อังคาร ถึงพฤหัส 

มื้อกลางวัน  11.30 – 14.30 มื้อเย็น 17.30 – 23.00 

Tel: 062 471 6431

โปรโมชั่นเดือนถึงสิ้นเดือนนี้ (กรกฏาคม 2565)

Happy Hours daily 17.30 – 19.30 น.

Live Music ทุกวันศุกร์หรือวันเสาร์ / ติดตามรายการแสดงได้ที่เฟซบุ๊ก [คลิก]

หรือ Instagram @danoibkk

Art Exhibition เปิดให้ชมสำหรับประชาชนทั่วตามเวลาเปิดห้องอาหาร (ไม่เสียค่าเข้าชม)