HAPPENING BKK
NLINE MAGAZINE
×
บ้านเกิดปลานิล ถิ่นกำเนิดแม่น้ำไนล์
by โลจน์ นันทิวัชรินทร์
21 ก.พ. 2563, 17:37
  3,497 views

        ผมไม่เคยเห็นแม่น้ำไนล์เพราะผมไม่เคยไปอียิปต์ เอธิโอเปีย หรือซูดาน แต่คำว่า แม่น้ำไนล์ เป็นคำที่มีแรงดึงดูดสำหรับผม แม่น้ำสายนี้เป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดในโลกและมีความสำคัญต่อโลกใบนี้ ด้วยความยาวทั้งสิ้นถึง 6,695 กิโลเมตร แม่น้ำไนล์ได้ไหลผ่านดินแดนน้อยใหญ่แห่งกาฬทวีปเพื่อทำหน้าที่หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนหลายต่อหลายล้านชีวิต สร้างความอุดมสมบูรณ์ให้พื้นที่อันเหือดแห้ง และก่อให้เกิดอารยธรรมสำคัญอย่างอารยธรรมอียิปต์เมื่อกว่าห้าพันปีก่อน และเมื่อทำหน้าที่ได้เสร็จสมบูรณ์ แม่น้ำไนล์ก็ทิ้งตัวลงสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่เมืองอเล็กซานเดรียในประเทศอียิปต์ ที่สำคัญ คำว่า ไนล์ ได้แปลงมาเป็นชื่อของปลาชนิดหนึ่งซึ่งมีจุดกำเนิดจากแม่น้ำสายนี้ แต่กลับเป็นเป็นปลาที่หล่อเลี้ยงชีวิตคนไทยหลายต่อหลายล้านชีวิตให้อยู่ดีกินดีด้วยเช่นกัน

        เท่านี้ก็เป็นเหตุผลอันเพียงพอที่ผมต้องบรรจุรายการเดินทางไปชมต้นกำเนิดแม่น้ำไนล์ให้ได้เมื่อครั้งที่ผมเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศยูกันดา (Uganda) ในแอฟริกาตะวันออก

        หากดูในแผนที่ ก็จะพบว่าแม่น้ำสายนี้ไหลจากทิศใต้สู่ทิศเหนือ นั่นเป็นเพราะพื้นที่ในเขตแอฟริกาตะวันออกอันเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำไนล์นั้นอยู่บนเทือกเขาน้อยใหญ่ ดังนั้นแม่น้ำจึงไหลย้อนจากที่ราบสูงทางใต้สู่ที่ราบลุ่มทางเหนือแทน และถ้าหากเล็งดี ๆ ก็จะเห็นเมืองเล็ก ๆ ที่มีชื่อว่าจินจา (Jinja) อันตั้งอยู่ปากทะเลสาบวิกตอเรีย... ที่นี่คือปลายทางของผมในการเดินทาง

ใครอยากสัมผัสประสบการณ์เที่ยวกัมปาลาแบบถึงแก่นแนะนำให้นั่งโบดาโบดาเที่ยวเลย

        วันนี้ผมออกเดินทางจากกัมปาลา (Kampala) เมืองหลวงของยูกันดาในตอนสาย ๆ แบบไม่ต้องเร่งไม่ต้องรีบเพราะระยะทางไปเมืองจินจานั้นเพียงแค่ 81 กิโลเมตร แต่กว่าจะฝ่ามหกรรมรถติดของที่นี่ไปได้ก็หน้ามืด ทั้งรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ รถเมล์ รถตุ๊กตุ๊กล้วนวิ่งกันขวักไขว่และต่างก็พยายามหารูเพื่อแทรกตัวไปบนถนนอันแสนแออัด เสียงแตรปี๊นปิ๊นดังแหวกทะลุทะลวงอากาศมาให้ได้ยินเสมอ ๆ และพาหนะอันเป็นที่นิยมของชาวกัมปาลาก็คือ แต่น..แตน...แต๊น... มอเตอร์ไซค์รับจ้างเช่นเดียวกับชาวกรุงเทพ ฯ ครับ คนที่นี่เรียกรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างว่าโบดาโบดา (Boda Boda) และคำ ๆ นี้มีความหมายว่าแมลงสาบ อันเป็นสมญานามของพาหนะประเภทนี้ความที่คุณพี่ต้องวิ่งซอกแซกพลุ่งพล่านเข้าตรอกออกซอยไปทั่วเมือง ผมแอบชื่นชมผู้ที่ค้นคิดสมญานามนี้เพราะช่วยสร้างภาพที่ชัดเจนมาก ๆ และหากใครอยากสัมผัสประสบการณ์เที่ยวกัมปาลาแบบถึงแก่นถึงรสแล้วล่ะก็ ผมขอแนะนำให้นั่งโบดาโบดาเที่ยวนะครับ เหมากันเป็นวัน ๆ ได้เลย รับรองว่าจะกรี๊ดและเกร็งมาก ๆ ฮ่า.. ฮ่า.. ฮ่า...

       

        เมื่อหลุดออกมาจากกัมปาลาแล้ว ทัศนียภาพข้างทางก็แปรเปลี่ยนไปอย่างฉับพลันทันใด ไร่ชาเขียวขจีบนเทือกเขากำลังทักทายผมพร้อมกับลมเย็น ๆ ที่พัดพรูมาปะทะใบหน้า ความสงบเข้ามาเยือนในทันที ผมโบกไม้โบกมือทักทายชาวบ้านที่เดินไปมาระหว่างทางอย่างอารมณ์ดี ทุกคนล้วนโบกมือตอบผมอย่างเป็นมิตร และสิ่งที่ผมทึ่งเสมอคือความสามารถในการเทินของของผู้หญิงแอฟริกันที่ไม่ว่าผมจะกลับมายังทวีปนี้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ภาพสตรีร่างระหงที่เทินของหนัก ๆ แต่ยังเดินทรงตัวได้อย่างมั่นคงนั้น เป็นภาพที่ผมต้องบันทึกเก็บไว้เสมอ ๆ และราว ๆ 11 โมงกว่า ๆ ผมก็มาถึงเมืองจินจา โดยผมตั้งใจว่าจะไปล่องเรือในทะเลสาบวิกตอเรียในทันทีเพื่อไปให้ถึงจุดกำเนิดของแม่น้ำไนล์

        ทะเลสาบวิกตอเรีย (Lake Victoria) เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในทวีปแอฟริกา มีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลถึง 68,800 ตารางกิโลเมตรและเชื่อมเขตแดนของสามประเทศไว้ด้วยกัน ได้แก่ เคนยา แทนซาเนีย และยูกันดา จึงนับว่าเป็นแหล่งน้ำจืดสำคัญของทวีปแอฟริกา นอกจากทะเลสาบวิกตอเรียจะเป็นแหล่งกำเนิดของแม่น้ำไนล์แล้ว ที่นี่ยังเป็นแหล่งกำเนิดของปลาทิลาเปีย (Tilapia) อันเป็นแหล่งอาหารสำคัญของชาวเมือง และเป็นแหล่งสร้างรายได้มหาศาลจากอุตสาหกรรมประมงน้ำจืดอีกด้วย

มุ่งหน้าสู่ต้นกำเนิดแม่น้ำไนล์

        เรือยนต์ลำเขื่องพาผมกับนักเดินทางหลากสัญชาติออกจากชายฝั่ง ล่องละลิ่วไปบนแผ่นน้ำอันแสนสงบของทะเลสาบวิกตอเรีย ตอนนั้นผมรู้สึกตื่นเต้นมาก ๆ เพราะผมเคยได้ยินชื่อทะเลสาบวิกตอเรียมาตั้งแต่ผมเรียนวิชาโลกของเราสมัยอยู่โรงเรียนมัธยม และในวันนี้ผมได้มาเห็นทะเลสาบสำคัญนี้ด้วยนัยน์ตาของตัวเองแล้วจริง ๆ บริเวณรอบทะเลสาบยังเป็นป่ารกชัฏเขียวชอุ่ม ฝูงนกน้ำน้อยใหญ่จับจองกิ่งก้านสาขาของต้นไม้ใหญ่กันอย่างคึกคัก เสียงของพวกมันดังจ้อกแจ้กเหมือนคนคุยกันไม่รู้จบ คงจะมีเรื่องให้ต้องเมาท์มอยกันมากมาย ชาวบ้านผูกกระชังปลาลอยอยู่บนผืนน้ำเป็นหย่อม ๆ มีนกน้ำปากยาว ๆ หลายต่อหลายตัวที่เกาะอยู่บนขอบกระชังเหล่านั้นพร้อมกับกำลังจ้องผ่านตะแกรงลงไปยังหมู่ปลาที่ว่ายวนอยู่ใต้กระชัง ท่าทางพวกมันคงหิวเพราะได้แต่ดูปลาสด ๆ ว่ายวนไปมา ลมทะเลสาบพัดมาเอื่อย ๆ อากาศกำลังสบายภายใต้แสงอาทิตย์ยามใกล้เที่ยงของเส้นศูนย์สูตร ทุกคนต่างนั่งนิ่ง ๆ เพื่อเพลิดเพลินและซึมซับกับทิวทัศน์ตรงหน้าหรือไม่ก็โบกมือทักทายชาวบ้านที่พายเรือสวนกันไปมาอย่างมีความสุข

ชาวบ้านหาปลา

        สักพักใหญ่ต่อมา เรือก็พาเรามายังสันดอนที่เกิดขึ้นกลางทะเลสาบ สันดอนแคบยาวนี้เป็นเหมือนแหลมเล็ก ๆ ที่ทอดตัวยาวออกมาจากชายฝั่ง ที่ตรงปลายมีป้ายวงกลมสลักข้อความไว้ว่า “The Source of R. Nile - World’s Longest River” พร้อมกับมีชื่อเมือง Jinja ปรากฏอยู่ด้วย ในที่สุดเราก็มาถึงต้นกำเนิดแม่น้ำสายอารยธรรมสำคัญที่ยาวที่สุดในโลกกันแล้ว.... เย่..เย่..เย่... ผมดี๊ด๊าอยู่ในใจ

        เมื่อถึงตรงจุดนี้ ก่อนที่ผมจะเข้าไปยืนถ่ายภาพคู่กับป้ายสำคัญนี้ ผมก็อุตริเกิดคำถามขึ้นมาว่า แล้วเรารู้ได้ยังไงว่าตรงจุดนี้ ณ พิกัดนี้เป๊ะ ๆ คือต้นกำเนิดอันแท้ทรูของแม่น้ำไนล์? ผมเลยไปถามคุณพี่คนขับเรือซึ่งเป็นไกด์ผู้พาเราล่องเรือมายังจุดนี้ด้วย และนี่คือคำตอบของเขา

        “ตอนสำรวจหาต้นกำเนิดแม่น้ำไนล์ เราพบว่าทะเลสาบวิกตอเรียที่สงบนิ่งนั้นกลับมีกระแสน้ำที่ไหลเอื่อยอยู่ใต้น้ำ และกระแสน้ำนี้ไหลไปทางปากอ่าววิกตอเรีย นักประดาน้ำสังเกตการพลิ้วไหวของพืชใต้น้ำอย่างสาหร่าย หญ้าน้ำ ฯลฯ และเมื่อว่ายทวนกระแสมาเรื่อย ก็พบว่าจุดนี้คือจุดที่มีตาน้ำซ่อนอยู่ใต้พื้นทะเลสาบ ตาน้ำนี้มีน้ำผุดขึ้นมาและสร้างกระแสน้ำที่ไหลไปยังปากอ่าว ก่อนจะไหลต่อไปเป็นแม่น้ำไนล์ที่ยาวกว่า 6,000 กิโลเมตร เราจึงถือว่าบริเวณนี้คือต้นกำเนิดแม่น้ำไนล์อย่างแท้จริง คุณพี่ตอบมา ซึ่งผมก็ไม่ได้ไปค้นคว้าต่อนะครับ เพราะว่าผมปลื้มกับคำอธิบายของคุณพี่ไปแล้วเรียบร้อยและผมก็เลือกเชื่อสิ่งที่เขาตอบมาทันที ว่าแล้วผมก็รีบไปยืนยิ้มแป้นถ่ายรูปคู่ป้ายศักดิ์สิทธิ์ป้ายนี้เสีย 1 แชะ

       

ร้านขายของที่ระลึกบนสันดอน และคนขายนั่งชิล

        บนสันดอนเล็ก ๆ นี้มีร้านขายของที่ระลึกอยู่สองสามร้านที่ขายของเหมือน ๆ กัน อย่างตุ๊กตาพื้นเมือง ถ้วยกาแฟ โปสการ์ด งานหัตถกรรมท้องถิ่น ฯลฯ ซึ่งเจ้าของก็ขายของกันอย่างชิลมาก ๆ เพราะเธอนั่งเล่นกับแมวไป ดื่มกาแฟไป ขายของไปอย่างมีความสุข นักท่องเที่ยวทยอยเดินทางมาเรื่อย ๆ แต่ไม่ได้มีจำนวนมาก ดังนั้นจึงไม่เกิดการแย่งกันถ่ายรูปกับป้ายหรือแย่งกันดูของอย่างที่อาจจะพบเจอกันเหมือนตามแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ

รงแรมคิงส์ฟิชเชอร์

        เมื่อจบการเยือนต้นกำเนิดแม่น้ำไนล์แล้ว เรือยนต์ก็พาเราวนดูทะเลสาบอีกพักใหญ่ก่อนวนกลับเข้าสู่ฝั่งเพื่อทานอาหารมื้อสำคัญที่สดมาจากทะเลสาบวิกตอเรียเลย นั่นคือปลาทิลาเปีย โดยร้านที่มีชื่อเสียงคือร้านอาหารที่โรงแรมคิงส์ฟิชเชอร์ซึ่งตั้งอยู่ริมทะเลาสาบพอดี

         ปลาทิลาเปียตัวใหญ่ทอดมาร้อน ๆ นำมาวางตรงหน้าพร้อมข้าวสวยเม็ดใหญ่แบบแอฟริกัน มีมะนาวสดให้บีบ และพริกตำถ้วยเล็ก ๆ เพื่อเพิ่มรสชาติ กลิ่นของมันหอมฉุยน่าทาน ก่อนที่ผมจะลงมือใด ๆ ด้วยความหิว ผมกลับนั่งนิ่งมองอาหารจานนี้อยู่นาน พร้อมกับนึกถึงบุคคลผู้หนึ่ง

        บุคคลที่ผมนึกถึงในเวลานั้นคือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9

        ปลาทิลาเปียนั้น เป็นปลาที่คนไทยคุ้นเคยที่สุด เพราะมันคือปลานิลนั่นเอง และผู้ที่พระราชทานชื่อว่า “ปลานิล” คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้

          เมื่อปี พ.ศ. 2508 สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตแห่งญี่ปุ่น ได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยในฐานะพระราชอาคันตุกะพร้อมสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ ในขณะนั้นทั้งสองพระองค์ยังทรงดำรงพระราชอิสริยยศเป็นมกุฏราชกุมารกับมกุฏราชกุมารีแห่งพระราชวงศ์ญี่ปุ่น

         ในครั้งนั้นเจ้าชายอากิฮิโตได้ทูลเกล้า ฯ ถวายปลาทิลาเปียจำนวน 50 ตัวแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ต่อมาพระองค์ท่านทรงนำปลาทิลาเปียมาเลี้ยงในเขตพระตำหนักจิตรลดารโหฐานเป็นเวลา 1 ปี เพื่อทรงตรวจสอบว่าปลาชนิดนี้สามารถมีชีวิตอยู่รอด เติบโต และไม่เป็นภัยต่อสภาพแวดล้อมของแหล่งน้ำในประเทศไทยจนแน่พระราชหฤทัยแล้วจึงทรงขยายพันธุ์จนปลาทิลาเปียให้มีจำนวนหลายร้อยตัว

         ในปี พ.ศ. 2509 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานพันธุ์ปลาทิลาเปียแก่กรมประมงเพื่อปล่อยสู่แหล่งน้ำตามธรรมชาติด้วยทรงพระราชดำริว่าปลาชนิดนี้เลี้ยงง่าย ตัวโต เนื้อเยอะ เหมาะสมที่จะเป็นแหล่งโปรตีนสำคัญแก่ประชาชนชาวไทยได้ ใคร ๆ ก็สามารถจับกิน เลี้ยง และขยายพันธุ์ได้จากแหล่งน้ำทั่วประเทศ แต่ชื่อทิลาเปียนั้นน่าจะออกเสียงยากสำหรับคนไทย จึงทรงมีพระราชดำริที่จะพระราชทานชื่อปลาเสียใหม่ว่าปลานิล เพราะปลามีสีดำเหมือนนิล และคำว่านิลก็เป็นคำไทย ๆ ที่ใกล้เคียงกับคำว่าไนล์ ทั้งนี้เพื่อเป็นการระลึกถึงแม่น้ำไนล์อันเป็นแหล่งกำเนิดของปลาชนิดนี้

ลูกปลานิลจิตรลดา (ภาพจากมูลนิธิ ชัยพัฒนา)

        ทุกวันนี้ปลานิลกลายเป็นแหล่งอาหารให้ราษฎรไทยทุกหย่อมหญ้าสมดังพระราชประสงค์ ใคร ๆ ก็ได้ทานปลานิลตัวอวบอ้วนกันถ้วนหน้า ยกเว้นเพียงพระองค์ท่านที่โปรดให้ละปลานิลไว้เมื่อตั้งเครื่องเสวย เพราะทรงเห็นว่าเป็นดั่งลูกที่ทรงเลี้ยงมาตั้งแต่วันแรก

        เรื่องนี้ผมได้ยินผู้ใหญ่เล่าให้ฟัง จนทำให้ผมสนใจมาก ๆ ผมจึงไปค้นหาข้อมูลมาอ่านต่อและพบว่า ในรัชสมัยของพระองค์ท่านนั้น ทรงทำงานใกล้ชิดกับกรมประมงมาก ๆ ปลาหลายชนิดที่เป็นแหล่งอาหารของคนไทยในวันนี้มาจากการเพาะเลี้ยง ทดลอง ขยายพันธุ์จากสระน้ำในพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ไม่ว่าปลาหมอเทศ ปลานวลจันทร์ ฯลฯ และพระราชทานปลาเหล่านั้นให้กรมประมงไปดำเนินการต่อเพื่อเป็นแหล่งอาหารของคนไทย โดยทรงปรับสระว่ายน้ำในวังให้กลายมาเป็นบ่อเพาะพันธุ์ปลาต่าง ๆ มากมายด้วยทรงเห็นว่าไม่ได้มีพระราชประสงค์ที่จะทรงใช้สระว่ายน้ำนี้

        จะมีใครที่ปรับสระว่ายน้ำของตัวเองเพื่อเลี้ยงปลา ศึกษาและเพาะพันธุ์ปลาเพื่อประชาชน.... คงมีเพียงพระองค์ท่านเท่านั้น

         ผมแอบสงสัยว่าปลาต่าง ๆ ที่เราคนไทยได้กิน จะมีกี่ชนิดที่พระองค์ได้เสวยบ้างด้วยทรงเลี้ยงมากับพระหัตถ์ เป็นดั่ง “ลูก” ของพระองค์ท่านเสียหลายชนิด

        ปลานิลตัวใหญ่มื้อนั้นทั้งสดและอร่อยสมกับที่ได้มาทานถึงถิ่นกำเนิด แต่เป็นมื้ออาหารที่สร้างความรู้สึกหลากหลายในวันนั้น.... วันที่ผมมีโอกาสไปถึงบ้านเกิดของปลานิลและต้นกำเนิดแม่น้ำไนล์

         เวลาทานปลานิล... นึกถึงพระองค์ท่านนะครับ

ABOUT THE AUTHOR
โลจน์ นันทิวัชรินทร์

โลจน์ นันทิวัชรินทร์

หนุ่มเอเจนซี่โฆษณาผู้มีปรัชญาชีวิตว่า "ทำมาหาเที่ยว" เพราะเรื่องเที่ยวมาก่อนเรื่องกินเสมอ ชอบไปประเทศนอกแผนที่ที่ไม่มีใครอยากไปเลยต้องเต็มใจเป็น solo backpacker

ALL POSTS