กว่าจะเป็นเทศกาลภาพยนตร์ LGBT+ Film Festival 2019

      นอกจากเขียนคอลัมน์แฟชั่นให้กับ Happening BKK แล้ว ขเจน ยังเป็นคนชอบดูหนังจนพาตัวเองไปทำงานจัดจำหน่ายภาพยนตร์อีกหนึ่งงาน วันนี้ ในฐานะที่ได้รับการชักชวนให้ไปเป็น curator คัดเลือกภาพยนตร์มาฉายในเทศกาลภาพยนตร์ LGBT+ Film Festival ที่โรงภาพยนตร์ Bangkok Screening Room ขเจนขอมาเล่าเบื้องหลังการคัดเลือกหนัง และเส้นทางการเป็น curator ในเทศกาลภาพยนตร์ครั้งนี้แบบพอหอมปากหอมคอ

       เกือบห้าปีผ่านไปหลังจากที่เราเริ่มต้นซื้อสิทธิ์หนังเข้ามาจัดจำหน่ายด้วยตัวเอง รวมแล้วก็ 7 เรื่อง (และทั้งหมดเป็นหนังเกย์) ขึ้นปีใหม่ของปี 2019 หลังจากหนังเรื่องล่าสุดของเราคือ MARIO กำลังจะลาโรงพอดี เราพบว่าเรากำลังอยู่ในจุดที่อยากพักชิล ๆ ซักครู่ กะว่าถ้าไม่เจอหนังเรื่องไหนที่อยากซื้อเข้ามาฉายมากจริง ๆ ปีนี้คิดว่าจะอยู่นิ่ง ๆ ก่อน ค่อยว่ากันใหม่ แต่ชีวิตที่คิดจะพักนี่ไม่เคยได้พักจริง เพราะพอนิคกับมิ้ว เจ้าของโรงหนัง Bangkok Screening Room ซึ่งเราเคยเอาหนังไปฉายด้วยอยู่หลายเรื่อง แถมยังเป็นที่ที่เคยจัดเทศกาลภาพยนตร์ LGBT+ ไปแล้วหนึ่งครั้งในปี2018 ติดต่อทาบทามมาหาเราว่า เราสนใจจะเป็น curator ให้กับเทศกาลภาพยนตร์นี้สำหรับปีนี้หรือไม่ เราก็ตอบตกลงแทบจะในทันที #ไหนว่าอยากพัก เพราะคิดว่ามันน่าสนุกออกจะตายที่คราวนี้ เราจะไม่ได้เลือกแค่หนังเรื่องเดียว แต่มีโอกาสเลือกได้สิบเรื่องหรือมากกว่านั้น เพื่อเอามาให้ทุกคนได้ดู

       ย้อนกลับไปเล่าเรื่องในอดีตกันอีกเล็กน้อยว่า ก่อนที่เราจะจัดจำหน่ายหนัง อันที่จริงเราเองสนใจและชอบดูหนัง LGBT มากอยู่แล้ว และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เราเลือกเดินทางออกไปเที่ยวด้วยและหาหนัง LGBT ดูด้วย ในเทศกาลหนัง LGBT ในต่างประเทศ​ หลัก ๆ ก็คือที่ฮ่องกง ซึ่งมีจัดกันทุกปีในช่วงเดือนกันยายน หลังจากนั้นก็เริ่มลามไปไกลขึ้น จนล่าสุดในปี 2018ที่เราเดินทางไป BFI Flare: London LGBT Film Festivalเป็นครั้งแรก พอได้รับการทาบทามก็ทำให้ตัดสินใจกลับไปลอนดอนอีกรอบในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพื่อไปเลือกดูหนังที่นั่น เผื่อว่าจะเจอหนังใหม่ ๆ ที่น่าสนใจมากพอสำหรับเทศกาลในปีนี้

       เริ่มแรก พอถูกชวน เราก็เริ่มลิสต์รายชื่อหนังที่ทั้งใหม่และเก่าออกมาก่อนเลย โดยเริ่มต้นด้วยฐานความคิดที่ว่า เราอยากเลือกหนังให้หลากหลายที่สุด คือถ้าเป็นไปได้ หากเลือกได้ครบทั้ง L G B และT ก็น่าจะโอเคเลย แต่แน่นอนว่าพอเริ่มติดต่อกับค่ายหนังเจ้าของสิทธิ์ มันก็จะต้องมีทั้งที่ลงตัวและไม่ลงตัวกันด้วยเหตุปัจจัยต่าง ๆ มากมาย บางเรื่องคุยกันดีแต่ราคาแพงมาก ก็ไม่ไหว บางเรื่องติดต่อไปแล้วทางโน้นหายตัว ไม่ค่อยตอบอีเมลก็มีอยู่ บางเรื่องคุยกันไม่กี่คำก็ลงตัวเลย เพราะงั้น ลิสต์หนังที่ออกมารวมแล้ว 11 เรื่องในปีนี้ จึงเป็นส่วนผสมของการคัดเลือกของเรา นิค และมิ้ว ความลงตัวของการพูดคุยกับค่ายหนัง ราคา และโชคชะตาด้วยมั้ง

        ในส่วนของหนังเก่า ปีที่แล้วเทศกาลนี้มี The Adventures of Priscilla: Queen of the Desert เป็นหนังเก่าในตำนานที่ได้รับเลือกมาฉาย ปีนี้เราก็เกิดไอเดียตบกับตัวเองอยู่หลายตลบว่าจะเลือกหนังเก่าเรื่องไหนมาฉายดี ซึ่งหลังจากลิสต์ขึ้นมาได้หลายเรื่อง (ซึ่งขอไม่เปิดเผยว่ามีเรื่องไหนบ้างที่หยิบมาพูดคุยกันในทีมผู้จัด เพราะปีหน้ามันอาจจะลงตัวก็ได้ ค่อยไปรู้กันตอนนั้นเนอะ 55) ทั้งจากที่ตัวเองเคยดู และจากที่นิคและมิ้วเสนอมา สุดท้ายเราได้หนังเกย์ในตำนานอย่าง My Own Private Idaho และหนังเลสเบี้ยนที่ดีมาก ๆ อย่าง Saving Face มาฉาย

        สำหรับหนังที่ใหม่หน่อย ถ้าเล่าละเอียดในแต่ละเรื่อง อยากบอกว่าเล่าสามวันก็ไม่จบ ฮ่า ๆ เพราะฉะนั้นขอเลือกเล่าเป็นบางเรื่องก็แล้วกัน เริ่มจาก Freak Showหนังเรื่องนี้เราได้ดูที่ลอนดอนตั้งแต่มีนาคม2018ตอนนั้น ผู้กำกับคือ Trudie Styler (ภรรยาของ Sting) แวะมาพูดคุยหลังหนังจบด้วย ถามตอบกันจนพอใจ ทุกคนในโรงแยกย้ายแล้ว เราก็ดอดเข้าไปทักทายเธอเพื่อบอกว่า เราสนใจอยากได้หนังของเธอมาฉายที่เมืองไทย ก็ได้พูดคุยกันเล็กน้อยแล้วไปคุยต่อกับเลขาของทรูดี้ชื่อ “ออดรา” ที่เดินทางมาด้วยกัน ตอนแรกก็คุยกันผ่านอีเมลดิบดี แต่ด้วยความที่บริษัทของทรูดี้อยู่นิวยอร์ก และคุณออดราก็ต้องตามนายบินไปบินมาในประเทศต่าง ๆ เพื่อเอาหนังไปฉาย การติดต่อกันก็เลยมีความล่าช้าและไม่ลงตัว จนทำให้เราไม่สามารถเอาหนังมาฉายในปี 2018 ได้ พอสบโอกาสเป็นคนเลือกหนังในเทศกาลปีนี้ เราเลยติดต่อกลับไปที่คุณเลขาคนเดิมอีกครั้ง ซึ่งในที่สุดก็ลงตัว และได้ Freak Show ซึ่งเป็นหนังที่น่ารักและสนุกมาก ๆ เรื่องนึงที่มีน้อง Alex Lawther แสดงนำ มาฉายในไทยจนได้

        อีกเรื่องที่อยากเล่ามาก ๆ คือ Taekwondo เรื่องนี้เราได้ดูที่ Hong Kong Lesbian and Gay Film Festival ในฮ่องกงตั้งแต่ปี 2017 แล้วก็ชอบมาก ๆ ๆ ๆ และได้ลองติดต่อไปขอซื้อสิทธิ์การจัดจำหน่ายตั้งแต่ตอนนั้น แต่ว่าหลังจากที่เราออกตัวว่าเราทำงานจัดจำหน่ายหนังแบบindependent ไม่ได้เป็นบริษัทชัดเจน เขาก็เงียบหาย เขียนอีเมลไปตามก็ไม่ตอบกลับมา เราก็เลยถอดใจไปแล้ว จนกระทั่งมาปีนี้ ที่เราคิดขึ้นมาได้เป็นเรื่องแรกเลยว่า อยากได้มาฉายมาก ๆ เพราะยังไม่เคยมีใครเอามาฉายในไทย เราก็เลยลองติดต่อกลับไปใหม่ ส่งไปที่อีเมลเดิมนั่นแหละ แต่เนื่องจากนานแล้ว นางคงจำเราไม่ได้แล้ว และคราวนี้เราแนะนำตัวเองว่าเราเป็น curator ของเทศกาลภาพยนตร์ LGBT ในประเทศไทยนะ เราอยากได้ Taekwondoมาฉาย เชื่อหรือไม่ว่าภายในวันสองวัน นางตอบกลับมาว่ายินดีให้เราเอาหนังไปฉายได้เลย หลังจากนั้นก็ต่อรองราคากันนิดหน่อย ภายในหนึ่งสัปดาห์ทุกอย่างก็ลงตัว เป็นอันว่าได้ Taekwondo มาฉายแบบง่าย ๆ ไม่ต้องออกแรงเยอะ

        นอกจากนั้น ค่ายหนังเจ้าเดียวกันยังเสนอหนัง LGBT เรื่องอื่น ๆ มาอีกหลายเรื่อง ซึ่งปรากฏว่า อีกเรื่องที่สะดุดตาเราคือ Clément, Alex et tous les autresหนังฝรั่งเศสที่น่ารักมาก ๆ ที่ยังไม่มีใครได้ดูมากนักในโลก คือยังไม่ได้ฉายโชว์ที่เทศกาลไหนมามากเท่าไหร่ (คิดดูก็แล้วกันว่า แม้แต่ trailer ของหนัง ทางค่ายหนังเจ้าของสิทธิ์ก็ยังไม่ได้ทำออกมาเลยตอนที่เราขอซื้อสิทธิ์ แต่ตอนนี้มีแล้ว) เรามองว่าเรื่องนี้น่ารัก ดูแล้วอมยิ้ม แล้วก็เป็นเรื่องของคนหลายคนที่มีความหลากหลายทางเพศในเรื่องราวที่น่าสนใจเกินกว่าจะมองข้าม ก็เลยต่อรองกับค่ายหนังจนได้เรื่องนี้มาอีกหนึ่งเรื่อง และกลายเป็นหนังที่ฉายเปิดเทศกาล LGBT+ Film Festival ปีนี้อย่างเป็นทางการด้วย

        เล่ากันพอหอมปากหอมคอประมาณนี้ แต่เล่าส่งท้ายเล็กน้อยว่า ตอนที่ต้องติดต่อค่ายหนังพร้อมกันสิบเรื่องนี่เป็นงานที่เหนื่อยไม่ใช่เล่นเหมือนกัน แต่ก็ต้องออกตัวว่า การทำหน้าที่เป็น curator ของเราเป็นเพียงงานส่วนหนึ่งที่ทำให้เทศกาลภาพยนตร์ครั้งนี้เกิดขึ้นได้ งานส่วนที่น่าจะใหญ่กว่าส่วนที่เราทำน่าจะเป็นงานที่มิ้วกับนิคช่วยกันทำมากกว่า ทั้งงานหลังบ้านเรื่องสัญญากับค่ายหนัง การติดต่อขอสปอนเซอร์ การวางตารางการฉาย การประสานงานกับพันธมิตรอีกหลายฝ่าย และงานประชาสัมพันธ์ให้งานนี้มันได้รับการพูดถึงในวงกว้างจนทำให้คนดูพร้อมที่จะมาดูหนังกัน วันนี้ตัวงานออกมาเป็นรูปเป็นร่างแล้วก็อยากชวนทุกคนมาดูกันจ้า

 

        เทศกาลภาพยนตร์ LGBT+ Film Festival ปีนี้ จัดที่ Bangkok Screening Room ถนนศาลาแดง 1(บนอาคาร Woof Pack) ตั้งแต่วันที่ 2-7กรกฎาคมนี้ สนใจดูโปรแกรม รายละเอียดของหนังแต่ละเรื่อง หรือจองบัตร เข้าไปดูได้ที่ เว็บไซต์​ LGBT+ Film Festival