หรอยแรง ที่ "ครัวแดนใต้" เกาะลันตา
เผ็ดร้อนอย่างไรเราจะทนเพราะอาหารใต้ที่ครัวแดนใต้เด็ดทุกจาน
อาหารปักษ์ใต้เริ่มหาได้ง่ายขึ้น แต่ร้านที่อร่อยจริง ๆ ยังไม่มากนัก เมื่อมาถึงถิ่นจังหวัดภาคใต้ จึงต้องหาของแท้ของจริงที่เป็นร้านเด็ดประจำถิ่น
ที่เกาะลันตา นั้น หาอาหารการกินแบบฝรั่งไม่ยาก แต่จะหาร้านใต้แบบ “หรอยแรง” แบบหลับตาจิ้มในเมนูเอาได้เลยนี่ต้องมาที่ร้าน “ครัวแดนใต้” เพราะทุกจานปรุงกันแบบต้นตำรับ แบบพิถีพิถันขนาดว่าตำเครื่องแกงกันเป็นออร์เดอร์ ๆ นะจ๊ะ ไม่มีการเสิร์ฟแกงค้างหม้อ ถ้าสั่งแกงรับรองได้ว่าได้ยินเสียงโป๊ก ๆ โขลกเครื่องแกงมาจากในครัวเลย
เราตั้งเป้าไปที่ครัวแดนใต้ ตามถามเจ้าถิ่นมาแล้วว่าร้านนี้เด็ด และไม่มีใครผิดหวังเลย แถมยังต้องรีบไปซ้ำในวันรุ่งขึ้น ประมาณว่าสั่งไป 20 กว่าจาน ไม่มีจานไหนที่ไม่ผ่านเลย (มีแต่สั่งเมนูเดิมเพิ่ม 555)
ทีเด็ดของร้านนี้คือเจ้าของร้านควบคุมครัวด้วยตนเอง เจ้าของร้านสองคนเป็นคนใต้จากสุราษฎร์ธานี และระนอง แน่นอนว่าเมื่อว่ารวมตัวกันก็เอาเคล็ดลับมารวมไว้ที่ร้านแห่งนี้ เมนูของร้านก็น่ารัก คือมีอาหารให้เลือกเยอะมาก นอกจากเมนูไฟลุกท่วมปากแบบ แกงส้ม แกงไตปลา ไตปลาแห้ง หรือคั่วกลิ้งแล้ว ยังมีจานถนอมลิ้นคนไม่กินเผ็ดอยู่มากพอควร
แต่จะให้แนะนำจานเด็ดของร้านน่าจะยาก เอาเป็นว่าเมนูไหนที่ชอบก็สั่งได้เลย ส่วนกลุ่มนักชิมเมืองกรุง+คนพื้นเพเมืองตรังอีกหนึ่ง ถูกใจ “แกงไตปลาแห้ง” (150 บาท) เป็นพิเศษ อร่อยที่สุดเท่าที่เคยชิมมาเลย จานนี้เสิร์ฟมาเป็นกระจาด ตัวไตปลาแห้งใส่ถ้วยเล็ก ๆ ตรงกลาง แต่รสชาติไม่เล็กเหมือนตัว ทีเด็ดคือผักที่จัดมาโดยรอบเป็นสิบกว่าชนิด เมนูนี้ฟินขนาดกินสองวันติดและยังหิ้วกลับกทม.ยอมให้เหม็นกระเป๋าอีกต่างหาก
แกงส้มนี่ก็อร่อยมาก แนะนำจัดต้นตำรับแกงส้มหน่อไม้ดองไปเลย หรอยแรงสุด ๆ ส่วนอีกจานที่นักชิมไม่ควรพลาดคือคั่วกลิ้งเป็ด จานนี้ก็ไฟลุกท่วมลิ้นเช่นกัน อีกเมนูชวนชิมคือแกงกะทิหมูลูกเหรียง ที่นี่เขามาเป็นหม้อเลย หรือแกงคั่วหอยแครงใบชะพลู (150 บาท) ในส่วนของน้ำพริกมีหลากหลาย เช่นน้ำพริกกุ้งสด (150 บาท)น้ำพริกมะขาม เมนูของทะเลก็ครบครัน จะสั่งอะไรโอเคทั้งนั้น
คำเตือนคือ อย่าลืมสั่งจาน “ดับไฟ” ไว้ประกอบสำรับด้วย อย่างน้อยหาจานไม่เผ็ดมาดับความร้อนแรงสักสองจาน ที่ไม่พลาดคือผัดเหมียงผัดไข่ หรือผักหวานผัดไข่ ที่ลองแล้วได้ผลก็มี หมูฮ้อง จานนี้ไม่ใช่อาหารใต้เพราะมาจากเหนือโน่นแต่กลายเป็นแขกประจำฟีเจอร์ริ่งกับอาหารใต้ไปแล้ว ครัวแดนใต้ทำหมูฮ้องได้รสชาติดีมากหมูก็นุ่มได้ที่ อีกจานที่แนะนำคือไข่เจียว อยากเจียวใส่อะไรก็ย่อมได้ เราสั่งไข่เจียวหอยกระติ๊บ (200 บาท)เขาจัดให้ อีกจานที่ต้องสั่งเลยคือ ปลาเนื้อทรายทอดขมิ้น (120 บาท)เพราะจะได้ความสดของปลาขนาดกำลังเหมาะหอมกลิ่นขมิ้นสไตล์ปักษ์ใต้แท้ ๆ
สำหรับแฟนพันธุ์แท้สะตอ จะสั่งผัดก็ไม่ว่ากัน แต่คนเมืองตรังที่มาด้วยเสนอสะตอเผา (60 บาท) ซึ่งหลายคนไม่เคยลอง ปรากฏว่ามันดีงามมาก จะเคี้ยวเล่น ๆ หรือแกล้มกับจานบนโต๊ะก็ได้อรรถรสไม่แพ้กัน เคล็ดลับของความอร่อยนี้คือแค่สะตอดี ๆ ลงไปเผาในเตาถ่านพร้อมเปลือก อันดีนี้จริง แนะนำอีกแล้ว
จานที่ไม่ใช่แกงอย่างของทอดหรือคั่วกลิ้งใช้ใบตองรองจาน และผักแกล้มจัดใส่กรวยใบตองสวยงามและดีต่อสิ่งแวดล้อม อันนี้ให้คะแนนเพิ่มอีก
แค่ของคาวตัวก็จะแตกแล้วแต่ต้องขอกันเลยว่าให้เก็บกระเพาะของหวานไว้บ้าง เพราะของหวานเขาก็มีทีเด็ด ลองสั่งกล้วยบวชชีมะพร้าวอ่อนมาแบ่ง ๆ กัน (ในตอนแรกแอบมีคนโวยวายว่าอิ่มจะแย่แล้ว) แต่คือดี เพราะกล้วยบวชชีมาในลูกมะพร้าวอ่อน (150 บาท)และแปลกที่ใช้กล้วยหอม แต่มีความลงตัวสุด ๆ ความดีงามอยู่ที่ความหอมกะทิและกล้วย รสชาติก็ไม่หวานจนเกินงาม
รับรองว่าไม่มีอะไรเกินความจริงเลย และได้ลดตัดทอนเสียงสรรเสริญความหรอยแรงไปเยอะพอควร หากติดเกาะอยู่สักเจ็ดวัน ก็ไปร้านนี้ได้เจ็ดวันแน่นอน ราคาก็น่ารัก ยิ่งเทียบกับอาหารใต้ร้านดังในกทม. ก็ถือว่าคุ้มกว่า และอร่อยกว่าแน่นอน
ร้านนี้เปิด 11.00-22.00 หากใครไปช่วงไฮซีซันของลันตา มื้อกลางวันจะวอล์คอินง่ายกว่า ถ้าไม่กลัวร้อนเพราะร้านเป็นเอ้าท์ดอร์ไม่มีแอร์ บวกกับความจัดจ้านของอาหาร มื้อกลางวันก็อาจจะอร่อยแบบร้อน ๆ บ้าง
STORY AND PHOTO BY Veen T.