โรงแรมและที่พักขนาดเล็กก็ไปได้สวยได้
หลายคนมักจะคิดว่าการเริ่มทำธุรกิจเล็กๆ อาจจะไม่ยากซับซ้อนนัก ถ้ากิจการไปได้ดีก็ค่อยขยับขยายกันในภายหลัง แต่ดูเหมือนว่าวิธีคิดแบบนี้จะใช้ไม่ได้กับการเริ่มต้นธุรกิจโรงแรมขนาดเล็ก การเปิดโรงแรมคงไม่ใช่เรื่องยากมากนัก แต่ถ้าจะทำให้มันประสบความสำเร็จ เป็นที่จดจำ และขายได้ในตลาดที่มีการแข่งขันสูงเช่นปัจจุบันคงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แบบที่ใครๆ คิด
อมรพรรณ สมสวัสดิ์ ผู้เขียนหนังสือ “โรงแรมขนาดเล็ก สร้างแล้วทำอย่างไรให้อยู่รอด” หรือ Survival Guide for Small Hotels ที่ได้จัดเสวนาการตลาดออนไลน์และการสร้างแบรนด์สำหรับที่พักขนาดเล็ก เพื่อให้ความรู้กับผู้ที่ฝันจะเป็นผู้ประกอบการโรงแรมขนาดเล็กเมื่อบ่ายวันพฤหัสที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้ให้ความสนใจทั้งผู้ประกอบการและผู้สนใจธุรกิจนี้ร่วมแชร์ประสบการณ์เต็มห้อง
ชื่อของอมรพรรณอาจจะไม่คุ้นหูกับคนทั่วไป แต่ถ้าในวงการโรงแรมขนาดเล็กแล้ว เธอเป็นที่รู้จักกันในวงการ ด้วยประสบการณ์การทำงานด้านการเงินก่อนที่จะผันตัวมาเป็นที่ปรึกษาด้านการเปิดโรงแรมขนาดเล็ก อมรพรรณได้ช่วยให้กับนักธุรกิจที่ต้องการเปิดโรงแรมขนาดเล็กมาหลายแห่งทั่วประเทศ ลูกค้าบางคนเคยทำแต่โรงแรมขนาดใหญ่และนึกภาพไม่ออกว่าทำธุรกิจขนาดเล็กจะมีความซับซ้อนที่ต่างกันคนละแบบ ก็ได้อมรพรรณไปเป็นที่ปรึกษามาแล้วก็มี
ในการเสวนาที่จัดขึ้นโดย Think Wise Hospitality Consulting ครั้งนี้ อมรพรรณได้พูดถึงการวางแผนตั้งแต่ต้น ทั้งในเรื่องของงบประมาณ ทีมวางแผนและทำงาน การตลาดในโลกดิจิตอลแบบ 360 องศา ซึ่งรวมไปถึงการสร้างแบรนด์ โปรโมตธุรกิจในโลกออนไลน์ หรือแม้แต่การสร้างคอนเทนต์เพื่อจูงใจลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
ถึงแม้การสัมมนาจะเป็นหัวข้อ Digital Marketing and Branding for Small Hotels แต่สิ่งที่อมรพรรณย้ำมากๆ คือการกลับมาดูที่ธุรกิจของตัวเอง ก่อนว่ามีจุดยืนอย่างไร กลุ่มเป้าหมายเป็นใคร หรือเรามีกำลังคนเท่าไหร่ ก่อนที่จะไปเห่อตามการตลาดออนไลน์ตามคนอื่น บางทีการมีโรงแรมเล็กๆ แห่งหนึ่งไม่จำเป็นที่ต้องเข้าไปอยู่ในทุกแพลตฟอร์มของโซเชียลมีเดีย และการไปอยู่บนแพลทฟอร์มเหล่านี้อย่างไร่้จุดหมายและไม่พร้อม ให้ผลเสียมากกว่า
“หลายครั้งที่ลูกค้าถามบอกว่า ต้องมี Line@ คือเห็นโรงแรมอื่นมีก็อยากจะมี แต่ถามว่าจะเปิด Line@ ไปทำไม บอกอะไร ก็ตอบไม่ได้ บางคนเปิดแล้ว ทิ้งให้พนักงานตอบ ซึ่งไม่มีความเข้าใจเรื่องแบรนด์ ใช้คำพูดแบบเหมือนคุยกับเพื่อน เช่น เด๋วนะ คือมันไม่ใช่,” อมรพรรณกล่าว
การทำธุรกิจโรงแรมขนาดเล็กสมัยนี้คุณต้องครบเครื่องทั้งการวางแผนการลงทุนที่ดี และการตลาดชั้นยอดเพื่อดึงคนให้ได้ บางคนหลงวังวนกับการเข้ามาของดิจิทัล จนลืมว่ายังมีโอกาสนอกโลกออนไลน์มากมาย
อมรพรรณบอกว่าการเลือกเป้าหมายลูกค้าในปัจจุบันไม่ใช่เพียงแค่การเลือกกลุ่มอายุหรือเพศ แต่ผู้ประกอบการต้องมองเห็นบุคลิกที่ชัดเจนของลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย “คุณต้องมองเห็นในหัวว่าลูกค้าของคุณจะหน้าตาแบบไหน แต่งตัวอย่างไรถ้าคุณแม่นมาก จะสามารถชี้ได้เลยว่าสไตล์นี้แหละลูกค้าเราแน่ๆ”
แบรนด์ DNA และบุคลิกต้องอยู่ในทุกส่วนของที่พัก
การสร้างแบรนด์ DNA หรือคอนเซ็ปท์อาจอ้างอิงกับบุคลิกคนมีชื่อเสียงเช่น ก้อง (สหรัฐ สังคปรีชา) ที่เป็นผู้ชายเนี้ยบ ดูอบอุ่น รักครอบครัว หรือบุคลิกที่ชัดเจนในความเป็นศิลปินเช่น อาจารย์จักรพันธุ์ โปษยกฤต ความชัดเจนดังกล่าวจะช่วยให้โปรเจคของคุณมีแบรนด์ที่ชัดเจน ซึ่งง่ายต่อการสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และบุคลากรทุกคนต้องสื่อสารทิศทางเดียวกัน ตั้งแต่หน้าฟรอนท์ถึงในครัว เข้าใจคอนเซ็ปท์ของโรงแรมและรู้ว่าต้องสื่อสารอย่างไร
หลังจากที่มีโปรเจคที่ชัดเจนแล้ว ค่อยทำการสื่อสารกับลูกค้าผ่านโลกโซเชียลมีเดียอย่างมีจุดหมาย เพราะการสร้างเนื้อหาที่ตรงใจกลุ่มลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ อมรพรรณบอกว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังหลงทาง สรุปได้ว่า 4 พวก คือ “สักแต่โพสต์ โหมดโชว์ออฟ ก็อปชาวบ้าน ไม่มีฐานข้อมูล“
อมรพรรณยกตัวอย่างการใช้รูประเบียงห้องพักของโรงแรมพร้อมกับคำบรรยายใต้ภาพว่า “ระเบียงห้องพักที่นี่ทุกห้องสามารถ มองเห็นวิวทะเลได้ มาพักกับเราสิคะ” นั้นเป็นวิธีการที่ล้าสมัยและผู้ประกอบการห้ามทำเด็ดขาด แต่ผู้ประกอบการควรเลือกภาพและคำบรรยายที่สามารถบอกเล่าเรื่องราว ความเป็นมาของที่พัก ชุมชน หรือกิจกรรมที่เกิดขึ้นรอบๆ โรงแรมเพื่อดึงความสนใจของนักท่องเที่ยวแทนการที่จะพูดถึงเพียงแค่ความสะดวกสบาย
อีกทั้งการเลือกช่องทางโปรโมตที่พักควรจะเลือกให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย เช่น หากโรงแรมของเรามีกลุ่มเป้าหมายเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ การโปรโมตโรงแรมผ่านเฟซบุ๊ค อาจจะไม่ใช่ช่องทางที่ใช่ เพราะเฟซบุ๊คเป็นที่นิยมเฉพาะกลุ่มลูกค้าคนไทยเท่านั้น ในขณะที่ลูกค้าในกลุ่มอเมริกาจะนิยมใช้ทวิตเตอร์เป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้อมรพรรณก็แนะนำว่าให้คัดกรองบรรดาคนที่เรียกตัวเองว่า blogger หรือ influencer กันให้ดี เพราะโลกดิจิตอลใครก็มีหน้าเว็บของตัวเองได้ ไม่ใช่ว่าใครมาเสนอตัวขอทำรีวิวแลกกับการมากินอยู่ฟรีที่โรงแรมของเราแล้วก็จะรีบประเคนให้
อมรพรรณไม่ได้จะสื่อว่าบล็อกเกอร์จะมาขอกินฟรีนะจ๊ะ แต่ในทุกวงการมันก็มักจะมีผีของวงการ ซึ่งในวงการสื่อก็มีนักข่าวผีที่แฝงตัวเนียนๆ ได้เช่นกัน แต่จริงๆ ผู้เขียนต้องการที่จะให้เจ้าของโรงแรมสื่อสารกับลูกค้าได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย
เพราะฉะนั้นเจ้าของโรงแรมศึกษาเบื้องลึกเบื้องหลังของบล็อกเกอร์หรืออินฟลูเอ็นเซอร์คนที่เสนอตัวมารีวิวกิจการของเราให้ดีก่อนจะตกปากรับคำ
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากโรงแรมเราเป็นแบบบูทีค แต่บล็อกเกอร์ที่มาเสนอตัวเน้นกินเที่ยวราคาประหยัดหรือหาที่พักหลักร้อย เจ้าของโรงแรมก็ต้องใช้วิจารณญาณในการทำธุรกิจตัดสินใจได้เองว่า ควรจะบริการบล็อกเกอร์คนนี้หรือไม่
พูดถึงเรื่องบล็อกเกอร์มาขอกินฟรี HappBKK มีลิงค์มาให้อ่านเผื่อใครอยากจะเรียนรู้การชิงไหวชิงพริบระหว่างบล็อกเกอร์สาวน้อยที่มีคนตามอยู่หลายหมื่นคน เธอวางแผนจะไปเที่ยวกับพาร์ทเนอร์ แล้วเสนอตัวจะทำรีวิวให้ด้วยการแลกกับที่พักและอาหารหนึ่งสัปดาห์ ลองไปอ่านกันเอาเองว่าเจ้าของโรงแรมหรูในดับลินว่าเขาตอบโต้กับบล็อกเกอร์คนนี้อย่างไร คลิกอ่านที่นี่
https://youtu.be/g8zElbN2_hg
สำหรับผู้สนใจข้อมูลข่าวสารด้านมาร์เก็ตติ้งโรงแรมและที่พักขนาดเล็ก แนะนำติดตาม @Thinkwise บนเฟซบุ๊ค
Photo by Pradya But