ไส้ติ่งโซไซตี้ (Sidethink Society) นักเคลื่อนไหวทางศิลปะที่ใช้ประวัติศาสตร์เป็นอาวุธ
ไส้ติ่งโซไซตี้ เป็นกลุ่มศิลปินรุ่นใหม่ชาวเชียงราย 3 คน ได้แก่ กอบพงษ์ ขันธพันธ์ ชินดนัย ปวนคำ และพงศธร นาใจ ที่เปรียบตัวเองเป็นเสมือนแบคทีเรียที่คอยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับสังคมและวงการศิลปะที่มีก็ได้ ขาดไปก็น่าเสียดาย
ได้ยินชื่อก็อยากรู้จักเลยสำหรับ ไส้ติ่งโซไซตี้ (Sidethink Society) ที่เพิ่งเปิดตัวในชื่อนี้ได้เพียง 4 เดือน แม้ว่าชื่อกลุ่มจะดูใหม่แต่สมาชิกแต่ละคนล้วนมีผลงานจัดแสดงในนิทรรศการศิลปะมาแล้วทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น นิทรรศการเชียงรายบ้านฉัน OPEN WORD: เปิดคำ โดย ภูธรคอนเนค หรือ ซุ่มเสียงอั้น เป็นต้น
ไส้ติ่งโซไซตี้ ชื่อนี้มาจากไหน พวกเขามีเป้าหมายอย่างไร 2 ใน 3 ของสมาชิกจะมาเปิดที่มาของชิ้นเนื้อเล็ก ๆ ที่กำลังคืบคลานสู่วงการศิลปะและสังคมไทย
จากฮอมจ๊อยซ์ถึงสังคมไส้ติ่ง
นนท์ - กอบพงษ์ ขันธพันธ์ เปิดบทสนทนาด้วยการแนะนำตัวสมาชิกไส้ติ่งโซไซตี้ว่าประกอบไปด้วยตัวเขาและเพื่อนอีก 2 คนได้แก่ ชินดนัย ปวนคำ และพงศธร นาใจ น่าเสียดายที่วันนี้พงศธรมีเหตุขัดข้องทำให้ไม่สามารถมาร่วมวงได้ครบคน
“ก่อนหน้านี้ผมตั้งกลุ่มชื่อ ฮอมจ๊อยซ์ (Home Joint Artist) ขึ้นมาทำงานขับเคลื่อนประเด็นสังคมทำได้ 2-3 ปีก็หยุดไป พอดีมีภัณฑารักษ์คนหนึ่งชวนไปแสดงงานที่ขอนแก่น เราจึงนำเรื่องประวัติศาสตร์ของเชียงรายไปเล่าที่นั่น จึงเป็นจุดเริ่มต้นของไส้ติ่งโซไซตี้”
เหตุผลที่ใช้ชื่อนี้ ไนท์ - ชินดนัย ปวนคำ เฉลยว่า “เราเป็นนักเคลื่อนไหวในประเด็นสังคม การเมือง การจัดการของรัฐที่ล้มเหลว เราเปรียบเหมือนเป็นไส้ติ่งของวงการศิลปะ ไส้ติ่งของสังคมที่มีก็ได้ ไม่มีก็ดี เราทำหน้าที่หยิบยกประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นไปบอกเล่ากับพื้นที่ต่าง ๆ เช่น ผลกระทบในการขุดลอกเวียงหนองหล่มที่ส่งผลต่อระบบนิเวศ ทำให้ต้นอั้น (โกงกางน้ำจืด) ทางอีสานเรียนต้นไชยวารที่เป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ เป็นพื้นที่อาศัยของสัตว์นานาชนิดถูกทำลาย
เป้าหมายของเรา คือ บอกเล่าประเด็นที่เกิดขึ้นให้คนฉุกคิด ผ่านการสื่อสารทางด้านศิลปะที่ไม่จำกัดเทคนิค งานจิตรกรรม ศิลปะจัดวาง เราใช้หมด”
ขับเคลื่อนอย่างละมุน
“การเคลื่อนไหวโดยใช้ศิลปะของพวกผม คือหลุดจากสายลมแสงแดดไปแล้ว แต่วิธีการนำเสนอของเราไม่ได้เป็นฮาร์ดคอร์นะครับ” ไนท์กับนนท์บอกกับเรา พลางเล่าถึงผลงาน ตู้บรรจุความสัมพันธ์ ในนิทรรศการ BACK TO THE FUTURE กาลครั้งหนึ่ง ณ ธนาลัย จัดแสดงที่บ้านสิงหไคล มูลนิธิมดชนะภัย จังหวัดเชียงราย เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา
“เราสนใจประวัติศาสตร์ของพื้นที่ เรื่องที่ไม่มีในตำรา แต่เป็นเรื่องเล่าจากผู้คน เราจึงจัดงานเสวนาเชิญผู้เฒ่า ผู้สูงอายุที่อยู่ในโซนถนนธนาลัยย่านเมืองเก่ามาพูดคุยกัน มีนักวิชาการมาช่วยกันเล่าถึงพัฒนาการของเมืองเชียงราย ตลาดเชียงราย กว่าจะมาเป็นตลาดคนเมืองในวันนี้
จากนั้นเราก็นำของเก่าของผู้ร่วมเสวนามาจัดแสดงในนิทรรศการ BACK TO THE FUTURE โดยตั้งชื่อผลงานว่า ตู้บรรจุความสัมพันธ์”
นนท์และไนท์ นำชมสิ่งของที่บ่งบอกประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาของย่านการค้าบนถนนธนาลัยที่เชื่อว่าคนรุ่นปัจจุบันน้อยคนจะได้พบเห็น เช่น
หม้อต้มชาและกาแฟที่เคยใช้ในโรงแรมเผ่าวัฒนาที่เคยได้ชื่อว่าเป็นหม้อกาแฟที่ทันสมัยที่สุดในยุคโรงแรมเฟื่องฟู
แก้วเยติโบราณ หรือ ภาชนะบรรจุไอศกรีมแท่งที่ด้านในทำด้วยแก้ว มีคุณสมบัติในการรักษาความเย็นที่เจ้าของเก็บไว้เป็นอย่างดีและอนุญาตให้นำมาจัดแสดงพร้อมกับเก้าอี้ที่ใช้วางขายอยู่ที่หน้าโรงหนังสุริวงศ์
เครื่องคิดเลขกึ่งอัตโนมัติ ของโรงแรมเผ่าวัฒนา โรงแรมเก่าแก่ของเชียงราย
ห้องภาพฟองเสรี ห้องภาพชื่อดังของเชียงรายที่ร่วมบันทึกภาพผู้เข้าร่วมเสวนาแล้วนำมาจัดแสดงภายในตู้บรรจุความสัมพันธ์นี้ด้วยเช่นกัน
การเติบโตของติ่งเนื้อน้อย ๆ
ถึงแม้ว่าจะแจ้งเกิดได้ไม่นาน แต่ไส้ติ่งโซไซตี้บอกว่าเป็น 4 เดือนที่ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ไม่น้อย
นนท์ คนทำงานศิลปะที่ร่ำเรียนมาทางด้านธุรกิจการท่องเที่ยวบอกว่า
“ส่วนตัวผมได้เทคนิคใหม่ ๆ แนวคิดใหม่ ๆ ได้พบเจอผู้คนใหม่ ๆ ได้ฝึกทักษะหลายด้านนอกเหนือจากงานศิลปะครับ”
ในขณะที่ไนท์บอกว่า “ไส้ติ่งโซไซตี้ ทำให้เรารู้ว่าเราไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว ความคิดของเราไม่ได้รุนแรงเกินไป และเราได้พบกับพันธมิตรที่พร้อมสนับสนุนเรา”
แม้เนื้อหาการเล่าเรื่องทางประวัติศาสตร์ และการเคลื่อนไหวในประเด็นสังคมจะเลยไปไกลกว่าสายลมแสงแดดไปแล้ว แต่วิธีการนำเสนอมีแนวทางที่ละมุนในแบบติ่งเนื้อที่มีก็ได้ไม่มีก็น่าเสียดาย
ดังชื่อ “ไส้ติ่งโซไซตี้”จริง ๆ
PHOTO BY ปิ่นอนงค์ ปานชื่น
MAIN PHOTO Courtesy of FB ไส้ติ่ง โซไซตี้
#SidethinkSociety #ไส้ติ่งโซไซตี้ #ศิลปินเชียงราย #ศิลปะและสังคม #HappeningBKK #OFFTHERADAR
