HAPPENING BKK
NLINE MAGAZINE
×
พาไปดูไฮไลต์ฉ่ำๆ กับเดสติเนชั่น Parade และ The Storeys ที่ One Bangkok
by L. Patt
18 ธ.ค. 2567, 21:34
  26 views

ครั้งนี้ HapeningBKK ชวนมาอัพเดตโซนรีเทลทั้ง Parade และ The Storeys แหล่งรวมทุกไลฟ์สไตล์ให้เอ็นจอยกันตั้งแต่เช้ายันแฮงเอาท์ จากกว่า 750 ร้านที่เปิดให้บริการแล้ว และกำลังทะยอยกันมาอีก ส่วนเด็กๆ ไม่ควรพลาด HarborLand Onederland สนามเด็กเล่นในร่มขนาดใหญ่ 1 ใน 5 ของโลก

เรียกได้ว่ากลายเป็นหมุดหมายใหม่ที่คนไทยและคนต่างชาติต้องมาเปิดประสบการณ์ ไม่ว่าจะสายแฟ สายช้อป ติดแกลม และขากินดื่ม เพราะขนแบรนด์ดัง แบรนด์เอ็กซ์คลูซีฟมากันเพียบ รวมถึง One Ultra Screens ที่ออกแบบด้วยไอเดียให้เป็นคลับดูหนังแห่งแรกสำหรับคนรุ่นใหม่

เริ่มกันจากโซน Parade อาคาร 9 ชั้น ฝั่งถนนพระราม 4 บนพื้นที่เช่า 85,000 ตร.ม. รวมร้านค้ามากถึง 450 ร้าน ทั้งแบรนด์แฟชั่น ร้านอาหาร คาเฟ่ ซูเปอร์มาร์เก็ต โรงภาพยนตร์ และสนามเด็กเล่น 

One Ultra Screens อยู่ชั้น 5 มีโรงภาพยนตร์ทั้งหมด 5 โรง แต่วางคอนเซ็ปต์ให้เป็นมากกว่าโรงหนัง หลังเลิกเรียน หรือเลิกงานก็นัดมาเจอกัน แฮงเอาท์ และเพลิดเพลินกับการดูหนังในรูปแบบ Immersive Experience ถ้าใครอยากดูแบบเอ็กซ์คลูซีฟสุดๆ ก็มีโรงวีไอพี 54 ที่นั่ง โดยมีห้อง Private Lounge ที่นั่งเป็นแบบ Ultra VIP ปรับเอนได้ 180 องศา มีที่ให้ชาร์จไวเลส USB และ USB-C และมีปุ่มกดเรียกบัทเลอร์มาให้บริการอาหารและเครื่องดื่มได้ตลอดการชมภาพยนตร์ ส่วนราคาบัตรสำหรับวันธรรมดา 1,200 บาท/ที่นั่ง ถ้าเป็นเสาร์-อาทิตย์ 1,300 บาท/ที่นั่ง รวม Welcome Set ด้วย 

สำหรับโรงปกติ ราคาเริ่มต้นที่ 220 บาท/ที่นั่ง และพิเศษ 150 บาททุกวันพุธ โดยโรงที่ 5 จะใหญ่ที่สุดและเป็นจอ 4K LED ที่มีความคมชัดที่สุด ที่นี่จำหน่ายบัตรเข้าชมเป็น E-ticket ทั้งหมด สามารถซื้อผ่านตู้ E-ticket หน้าโรงภาพยนตร์ แอปพลิเคชั่น อินสตาแกรม หรือทางไลน์ 

เสา Utra LED 8 เสา เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่ให้มาเช็กอินกับโมชั่นกราฟฟิกสวยๆ ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงตามธีมของภาพยนตร์ที่ทุกคนชื่นชอบ และอย่าลืมลิ้มลองกับป๊อบคอร์นรสปลาหมึกย่างสไปซี่ รสใหม่เฉพาะที่นี่เท่านั้น

 

สารพัดไทย (Sarapad Thai)

แหล่งรวมสินค้าไทยจากทั่วประเทศในมุมมองที่แปลกใหม่ บนพื้นที่ 2,400 ต.ร.ม ชั้น 3 ของ Parade ที่ถูกออกแบบในสไตล์โคโลเนียล สถาปัตยกรรมตะวันตกที่เข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ส่วนภายในมีการตกแต่งสีสันบรรยากาศให้อารมณ์เหมือนเดินตลาดบ้านหม้อและวังบูรพา รวมทั้งโลโก้ 'ฯ๙ฯ' และป้ายบอกโซนต่างๆ ภายในร้านก็สะท้อนถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทย อาทิ หมูไปไก่มา (จุดชำระเงินด้วยตัวเอง) อยู่เย็นเป็นสุข (สินค้าของแต่งบ้าน และสปา) ศาลาชา (สเตชั่นเครื่องดื่มชาและเบเกอรี่)

ที่นี่จะมีสินค้าไทยหลากหลาย ทั้งของกิน แฟชั่นไลฟ์สไตล์ รวมทั้งของฝากของที่ระลึก นอกจากผลิตภัณฑ์ของชุมชนที่นำมาปรับดีไซน์ให้เข้ากับยุคสมัยแล้ว ก็มีสินค้าที่ออกแบบมาเฉพาะ รวมถึงแบรนด์ไลฟ์สไตล์ของดีไซเนอร์ไทยที่ได้รับความนิยมในโซเชียลมีเดีย อาทิ Good After Nine, Muunsan, และ Vinn Patararin มีการจัดสรรพื้นที่จำลองแบบเหมือนตลาดนัด โดยจะให้ผู้ค้าหมุนเวียนกันนำสินค้ามาขาย 

ใครแวะมาโซนนี้ จะเจอ  'ตรอกโชคดี' หนึ่งไฮไลต์ที่ออกแบบทางเดินให้เป็นทางลัด เสมือนเดินผ่านประตูทะลุมิติเพื่อได้รับพรโชคดี 

 

HarborLand Onederland สวรรค์ของเด็กๆ

เพิ่งเปิดบริการมาได้เดือนกว่าก็ดึงดูดเด็กๆ ทั้งไทยและต่างชาติมาสนุกกันสุดเหวี่ยง เพราะเป็นสนามสนามเด็กเล่นในร่มขนาดใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก บนพื้นที่กว่า 6,000 ตร.ม. ชั้น 6 ของ Parade ตกแต่งภายใต้แนวคิดของ “ป่าหิมพานต์” ผสมผสานความงดงามและตำนานสัตว์มหัศจรรย์ในแบบไทยๆ เชื่อมโยงระหว่างโลกมนุษย์และดินแดนแห่งเทพนิยาย 

ตอนนี้เปิดแล้ว 4 โซน คือ Little Ville, Harbor Town, Kids Island และ Junior Jungle สำหรับเด็กอายุ 5 เดือน – 15 ปี ส่วน Little Ville & Toys Room  เป็นโซนสำหรับเด็กเล็กที่มีเครื่องเล่นและของเล่นมากที่สุดและใหญ่ที่สุดในไทย

JumpZ Action Park สนามแทรมโพลีนเอ็กซ์ตรีมรูปแบบใหม่ ที่มาพร้อมความตื่นเต้นท้าทายยิ่งกว่าเดิม กับเครื่องเล่นไฮไลต์แบบต่าง ๆ อย่าง Valo Jump เกม AR Interactive Jump เต็มตากับจอขนาดยักษ์ 86 นิ้ว และ Interactive Aero Strike เกม Interactive แข่งขันชู้ตลูกบอล บนแทรมโพลีน นอกจากนี้ ยังมี Sky Monorail รถปั่นลอยฟ้าขนาด 2 ที่นั่ง/คัน ที่เป็นที่แรกและที่เดียวในประเทศไทยด้วย

เร็วๆ นี้ รอความสนุกเพิ่มขึ้นกับอีกหลายเกม เช่น Laser Battle เกม Laser Tag สุดมันส์ในสนามอารีน่าที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา Harbor Island สวนน้ำในร่มที่แรกในประเทศไทย สนุกชุ่มฉ่ำกับสไลเดอร์ขนาดใหญ่ในโซน Super Island Harbor Adventure ท้าทายความกล้ากับการปีนหน้าผา และ Rope Course 

 

Mitsukoshi Depachika

ใครชอบบรรยากาศ ของกินอร่อยและผลไม้ที่ส่งตรงจากญี่ปุ่น ก็ต้องมาเดินฟู้ดสเตชั่นสไตล์เดปาจิกะ แห่งแรกในไทย ชั้น B1 โซน Parade นอกจากซูเปอร์มาร์ตเก็ต ซูชิบาร์ โซนเนื้อสัตว์และอาหารทะเลแล้ว ยังมีร้านอาหารขึ้นชื่อ เช่น  Pot Master ซึ่งเป็นข้าวอบหม้อดินจากสิงคโปร์ ที่มาเปิดที่นี่เป็นสาขาแรก ร้านโอโคโนมิยากิ (Okonomiyaki), Waffle Khan, Ponpocotei, Yaorin ล้วนแต่มาประเดิมเป็นที่แรกในไทย

บริเวณด้านหน้า จะมีร้าน warabi mochi ซึ่งเป็นวาราบิโมจิชื่อดังจากญี่ปุ่น ที่มาเปิดสาขาแรกในไทย แต่ขอบอกว่าคนมายืนเข้าคิวยาวทุกวัน

 

อินเทรนด์แบรนด์ดังทั่วโลก

ขาช้อปแบรนด์ชั้นนำ หากเดินมาที่  King Power City Boutique ชั้น 1,2 ของ Parade ก็จะมีให้เลือกชมกว่า 200 แบรนด์ ทั้งนาฬิกา แว่นตากันแดด โซนเครื่องดื่มพรีเมียมแบรนด์ดังจากจากทั่วโลก, โซนเครื่องหอม เครื่องสำอาง  และยังมี The Square เป็นพื้นที่สำหรับแบรนด์ต่างๆ มาสร้างสรรค์กิจกรรมพิเศษให้กับลูกค้า ประเดิมด้วย Estee Lauder ที่กำลังจัดกิจกรรมอยู่ในขณะนี้

ล่าสุด เออร์แบน รีวิโว่ (URBAN REVIVO) หรือ UR แบรนด์แฟชั่นระดับโลก ก็มาเปิดตัวสาขาใหญ่ที่สุดในไทยบนชั้น G และชั้น 1 ของโซน Parade 

ส่วน The Storeys อาคาร 5 ชั้นฝั่งถนนวิทยุ ก็มีแบรนด์ดังหลายแบรนด์เช่นกัน อาทิ จิมป์ทอมสัน ไลฟ์สไตล์ สโตร์ ซึ่งเป็นแห่งแรกของแบรนด์ในรูปแบบดูเพล็กซ์ คือมีทั้งโซนรีเทลชั้นล่าง ร้านอาหาร Jim's Terrace ชั้นบน รวมถึงโซนนิทรรศการขนาดเล็ก นอกจากนี้ก็มี Club 21 และ Swatch ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์สโตร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีสินค้าทุกไลน์จาก Swatch รวมถึงคอลเลกชั่นพิเศษ โซน Personalized Station ที่ลูกค้าสามารถสร้างสรรค์นาฬิกาเรือนเดียวในโลกด้วยตัวเอง รวมไปถึงพื้นที่จัดนิทรรศการเล่าเรื่องความเป็นมาของแบรนด์ด้วย 

สำหรับโซน Post 1928 จะเปิดให้บริการในปี 2569 ด้วยพื้นที่เช่า 5 ชั้น กว่า 40,000 ตร.ม. โดยจะเป็นช้อปปิ้งสตรีทสายแรกของกรุงเทพฯ ที่รวบรวมร้านค้าแฟล็กชิฟสโตร์แบรนด์ดังระดับโลกมากมายในรูปแบบ Standalone มาให้ช้อปอย่างจุใจตลอดสองฝั่งถนน ตั้งแต่ซูเปอร์แบรนด์แฟชั่น นาฬิกาและจิวเวลรี ตลดดคนแบรนด์สตรีทแวร์สุดพรีเมียม เมื่อเปิดโซนรีเทลครบทั้ง 3 โซน จะทำให้มีร้านค้ารวมกว่า 900 ร้าน ซึ่งเป็นพื้นที่เชื่อมต่อกัน (Retail Loop) แล้วรอมาอัพเดตร้านใหม่ๆ โซนว้าวๆ กันได้ที่ HappeningBKK 

 

ABOUT THE AUTHOR
L. Patt

L. Patt

ALL POSTS