ลุฟท์ฮันซ่าเปิดบินเชื่อมไทย-เยอรมนี ครบ 65 ปี ครองสายการบินยุโรปใหญ่สุดในไทย
การเปิดเส้นทางบินจากเยอรมนีมายังประเทศไทยครั้งแรกเมื่อปี 2502 (ค.ศ.1959) ของสายการบินลุฟท์ฮันซ่า ซึ่งเป็นสายการบินประจำชาติเยอรมนี นับเป็นก้าวสำคัญในการเชื่อมโยงการเดินทาง วัฒนธรรม และเศรษฐกิจ ระหว่างไทยกับเยอรมนี โดยลุฟท์ฮันซ่ากรุ๊ปได้ขยายการบริการมาอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นสายการบินยุโรปรายใหญ่ที่สุดที่ให้บริการในประเทศไทย และยังเป็นสายการบินเดียวของโลกที่ให้บริการเที่ยวบินตรงด้วยนกยักษ์ A380 จากประเทศไทยไปสู่ยุโรปอีกด้วย
ในวาระครบรอบ 65 ปี ของการเปิดให้บริการในประเทศไทย ผู้บริหารลุฟท์ฮันซ่ากรุ๊ป นำโดย เฟลิเป้ บอนิฟาตติ รองประธานภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและกิจการร่วมค้าในภูมิภาคตะวันออก ได้รำลึกถึงปรากฏการณ์ครั้งแรกด้วยการกลับมาจัดแถลงข่าว ณ ห้องประชุมของโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล สถานที่เดียวกันกับการเปิดตัวเที่ยวบินปฐมฤกษ์ พร้อมทั้งเล่าถึงแผนการบินในช่วงฤดูหนาวนี้ และภาพรวมการดำเนินงานในด้านต่างๆ ด้วย
ลุฟท์ฮันซ่าพาเราย้อนภาพกลับไปยังจุดเริ่มต้น โดยเที่ยวบินแรกที่เดินทางออกจากเมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2502 โดยเที่ยวบิน LH640 ซึ่งในขณะนั้นรู้จักกันในชื่อ Super Constellation ผ่านดัสเซลดอร์ฟ แฟรงก์เฟิร์ต โรม ไคโร การาจี และกัลกัตตา ก่อนจะมาลงจอดที่สนามบินกรุงเทพ ซึ่งใช้เวลาเดินทางเกือบสองวัน
เฟลิเป้ เล่าว่า ปัจจุบันลุฟท์ฮันซ่ากรุ๊ป ให้บริการ 4 สายการบินในประเทศไทย ได้แก่ ลุฟท์ฮันซ่า แอร์ไลนส์ สวิส อินเตอร์เนชั่นแนล แอร์ไลนส์, ออสเตรียน แอร์ไลนส์, และ เอเดลไวส์ แอร์ (Edelweiss Air) โดยช่วงฤดูหนาวนี้ (พ.ย. 2024 - มี.ค. 2025) ซึ่งเป็นฤดูกาลการเดินทางท่องเที่ยว จะให้บริการเที่ยวบินถึง 31 เที่ยวต่อสัปดาห์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลุฟท์ฮันซ่า ได้นำเครื่องบินแอร์บัส A380 ซึ่งเป็นเครื่องบินขนาดใหญ่ที่สุดในโลกกลับมาให้บริการบินตรง (Non-stop flight) กรุงเทพฯ - มิวนิค พร้อมทั้งให้บริการโดยสารชั้นหนึ่ง (First Class) อีกด้วย
กลยุทธ์หลักหนุนการเติบโต
อันลี โด ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ลุฟท์ฮันซ่ากรุ๊ป ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ประเทศไทยถือเป็นศูนย์กลางการบินที่แข็งแกร่งในภูมิภาค โดยมีผู้โดยสารจากเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เพื่อเชื่อมต่อไปยังจุดหมายปลายทางกว่า 200 แห่ง ผ่าน 5 สนามบินระดับ 5 ดาวของยุโรป ที่เป็นฮับของลุฟท์ฮันซ่ากรุ๊ป ได้แก่ แฟรงก์เฟิร์ต มิวนิค เวียนนา ซูริค และบรัสเซลส์
ในปีที่ผ่านมา ลุฟท์ฮันซ่ากรุ๊ปให้บริการผู้โดยสายจากประเทศไทยไปยังจุดหมายปลางทางต่างๆ ในยุโรป เป็นจำนวน 328,000 คน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นในปีนี้ โดยในช่วงฤดูหนาว ทั้ง 4 สายการบินสามารถให้บริการผู้โดยสารได้ถึง 220,000 ที่นั่ง โดยออสเตรียน แอร์ไลนส์ เพิ่มเที่ยวบินอีกเท่าตัว จาก 7 เที่ยว เป็น 14 เที่ยวต่อสัปดาห์ และให้บริการบินตรง กรุงเทพฯ ถึงมิวนิค ซูริค และเวียนนา
อันลี บอกว่า ลุฟท์ฮันซ่ากรุ๊ป มุ่งเน้นใน 4 กลยุทธ์หลัก คือการยกระดับประสบการณ์ลูกค้า, การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ, การเชื่อมต่อการเดินทางในรูปแบบมัลติแอร์ไลนส์ - มัลติฮับ และการปรับเปลี่ยนไปสู่การเป็นแอร์ไลน์กรุ๊ป นอกจากนี้ ลุฟท์ฮันซ่ากรุ๊ปกำลังลงทุนถึง 2,500 ล้านยูโรต่อปี เพื่อปรับปรุงฝูงบินให้มีความทันสมัย (Fleet Modernization)
ลุฟท์ฮันซ่า ได้ยกระดับห้องผู้โดยสารชั้นหนึ่งใหม่ (Lufthansa Allegris First Class) โดยเริ่มให้บริการในเที่ยวบินระยะไกลในเส้นทางยุโรป-บังกาลอร์ และยุโรป-มุมไบ ในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยมีให้เลือกทั้งแบบ Two Individual Suites และ Suite Plus ด้วยเครื่องบินแอร์บัส A350-900
ปี 2023 ลุฟท์ฮันซ่ากรุ๊ป ให้บริการผู้โดยสารทั่วโลกเป็นจำนวนทั้งสิ้น 122 ล้านราย เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 20% มีเครื่องบินให้บริการกว่า 700 ลำ โดยมีอัตราส่วนการขนส่งผู้โดยสารเทียบเป็นสัดส่วนต่อจํานวนที่นั่งผู้โดยสารทั้งหมด (Load Factor) อยู่ที่ 82.9% และมีกำไรสุทธิ 1,673 ล้านยูโร เพิ่มขึ้นถึง 112%
ขณะที่ เบรนแดน ชวโชวอา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายขาย - เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก ยอมรับว่า จากความต้องการสั่งซื้อเครื่องบินลำใหม่ของสายการบินต่างๆ ทั่วโลก เพื่อเพิ่มความถี่และขยายเส้นทางบิน ส่งผลให้ทุกสายการบินประสบปัญหาการส่งมอบเครื่องล่าช้ากว่ากำหนด
ทั้งนี้ ลุฟท์ฮันซ่าได้สั่งซื้อเครื่องบินใหม่จากแอร์บัสและโบอิ้งเป็นจำนวนถึง 250 ลำ กำหนดส่งมอบตั้งปี 2024-2029 ซึ่งไม่เพียงรอบรับความต้องการผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นในอนาคต แต่ยังเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 เนื่องจากเครื่องบินใหม่จะช่วยลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงลงได้ถึง 30% จากเครื่องบินรุ่นเดิม
ระบบความบันเทิงล้ำยุค
ระบบความบันเทิงบนเครื่องบินเป็นหนึ่งในนวัตกรรมของลุฟท์ฮันซ่าที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์และสร้างประสบการณ์การเดินทางใหม่ๆ โดยลุฟท์ฮันซ่า ได้รับรางวัลนวัตกรรมด้านความบันเทิงบนเครื่องบินที่ดีที่สุดในโลก ปี 2024 จาก the Airline Passenger Experience Association (APEX) และเป็นสายการบินแรกของโลกที่ทำการทดสอบอนาคตของ VR headsets หรืออุปกรณ์แสดงภาพเหมือนจริงในรูปแบบของชุดหูฟังสำหรับระบบความบันเทิงบนเครื่องบิน