ย้อนรอย “ครอบครัวโลจนะรุ่งสิริ” ผู้เปลี่ยนถนนรางน้ำให้เป็นแหล่งฮิป
เส้นทางธุรกิจครอบครัวโลจนะรุ่งสิริ จากสตรีทฟู้ดมาสู่ธุรกิจโรงแรม สร้างภาพลักษณ์ใหม่ซอยรางน้ำให้เป็นแหล่งไลฟ์สไตล์ทันสมัย
ในอดีต บริเวณซอยรางน้ำคราคร่ำไปด้วยรถเข็น หาบเร่แผงลอยขายอาหารการกินตลอดสองฟากถนน และขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งรวมร้านอาหารอีสานยอดนิยมจนทำให้เมนูลาบน้ำตกกลายเป็นซิกเนเจอร์ของรางน้ำกันเลยทีเดียว นอกจากนี้ ยังเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นย่านโรงแรมม่านรูดของกรุงเทพฯ อีกด้วย โลจนะรุ่งสิริ เป็นหนึ่งในครอบครัวที่อยู่อาศัยและทำการค้าขายในซอยรางน้ำมาเกือบ 50 ปีที่แล้ว จึงสะท้อนภาพการเปลี่ยนแปลงชุมชนซอยรางน้ำได้เป็นอย่างดี
เกรียงศักดิ์ โลจนะรุ่งสิริ รองประธาน บริษัท ปิคนิคโฮเต็ล จำกัด เล่าว่า สมัยก่อนคุณแม่ขายกาแฟโบราณ ส่วนคุณพ่อ-ศักดิ์ณรงค์ ขายฝรั่งดองริมถนน ภายหลังคุณแม่เปิดร้านขายข้าวแกงแล้วก็ปิดไปเพราะมีปัญหาด้านสุขภาพ ขณะที่คุณพ่อหันไปทำงานเป็นผู้ช่วยเชฟอาหารจีนของโรงแรมเดชา (ปัจจุบันเป็นโรงพยาบาล) พอเก็บเงินได้มากพอก็ไปร่วมทุนทำธุรกิจจิวเวลรี่ แต่ล้มเลิกกิจการหลังเกิดสงครามอ่าวเปอร์เซียช่วงปี 2533-2534
จากนั้น คุณพ่อมีโอกาสไปทำงานด้านการตลาดให้ร้านตัดสูทอยู่หลายปี จนกระทั่งมาเปิดร้านสูทเป็นของตัวเองแห่งแรกชื่อ Tonys Fashion House ซึ่งร้านแรกปัจจุบันกลายเป็นพื้นที่รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ แม้จะได้รับผลกระทบจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป แต่คุณพ่อก็ยังคงธุรกิจร้านตัดสูทมาจนถึงทุกวันนี้ โดยมีสาขาที่รางน้ำ สีลม พัทยา หัวหิน และภูเก็ต
ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา คุณพ่อเก็บออมเงินและทยอยซื้อที่ดินเก็บไว้หลายแปลง ทั้งในย่านนี้ และต่างจังหวัด แล้วนำมาพัฒนาในหลากหลายโครงการ
การเปิดให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสเมื่อเดือนธันวาคม 2542 ตามด้วยโรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ (รางน้ำ) เมื่อปี 2553 ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อสภาพการค้าขายในซอยรางน้ำและบริเวณใกล้เคียงเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ทำให้กลายเป็นทำเลที่มีศักยภาพในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจบริการต่างๆ ตามมา
เกรียงศักดิ์ บอกว่า เมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว คุณพ่อก็ตัดสินใจเลิกกิจการโรงแรมม่านรูดแล้วปรับปรุงเป็นโรงแรมปิคนิค ซึ่งเป็นโรงแรมขนาด 3 ดาวขนาด 160 ห้อง ตั้งอยู่ซอยรางน้ำ 3 เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดี เช่นเดียวกับโรงแรมเซ็นจูรี่ปาร์ค ซึ่งเดิมก็เป็นโรงแรมม่านรูดเช่นกัน
ทุกวันนี้ ซอยรางน้ำแทบไม่เหลือหาบเร่แผงลอยเหมือนในอดีต กลายเป็นย่านคอนโดมิเนียมแบรนด์ดัง โรงแรม สถานบันเทิง และร้านรวงที่มาเปิดบริการนักท่องเที่ยวกันอย่างคึกคัก การเดินทางก็สะดวก โดยตัวถนนเส้นหลักของซอยรางน้ำจะเชื่อมอยู่ระหว่างถนนพญาไทและราชปรารภ ส่วนถนนในซอยย่อยต่างๆ ภายในซอยรางน้ำจะสามารถวิ่งไปออกถนนราชวิถีและถนนศรีอยุธยาได้
เกรียงศักดิ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ เครือบริษัทบริหารโรงแรม L.S. Hotels and Resort Group ของครอบครัวโลจนะรุ่งสิริ กำลังดำเนินการก่อสร้างโรงแรมใหม่อีก 3 แห่ง ได้แก่ โรงแรม De Prime@Rangnam Your Tailor Made Hotel ซอยรางน้ำ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับโรมแรมปิคนิค โดยจะเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว โรงแรม De Samsen Hotel ถนนสามเสน ซอย 6 และโรงแรม Iudea ถนนสามเสน ซอย 6 ซึ่งจะเป็นแบบ luxury poshtel โดยทั้งสามโรงแรม คาดว่าจะสร้างเสร็จในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้
สำหรับโรงแรม De-Prime@Rangnam Your Tailor Made Hotel ได้แรงบันดาลใจมาจากธุรกิจร้านตัดสูทของคุณพ่อ ที่ลูกค้าที่มาพักสามารถเลือกห้องพักตามบุคลิกของตัวเองได้
ขณะที่โรงแรม De-Samsen Hotel เป็นการดัดแปลงจากตึกแถวสี่ชั้นให้เป็นดีไซน์โฮเทลเก๋ๆ ส่วน โรงแรม Iudea จะดึงเอาเสน่ห์ของสตรีทฟู้ดในย่านสามเสนมาสร้างสีสันให้กับลูกค้า และติดตั้งจอหนังกลางแปลงริมสระว่ายน้ำสร้างบรรยากาศแปลกใหม่และเพลิดเพลินได้ดีทีเดียว
นอกจาก 3 โรงแรมใหม่ในปีนี้ ทายาทโลจนะรุ่งสิริทั้ง 4 คน ยังคงร่วมกันเดินหน้าพัฒนาธุรกิจครอบครัวอย่างต่อเนื่อง เพราะมีที่ดินสะสมไว้อีกหลายแปลงทั้งในซอยรางน้ำ และย่านอื่นๆ ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด