เปิดใจ “อุ้ย-ทอม” ผู้บุกเบิกปาร์ตี้เกย์ในประเทศไทย
16 ปีกับเซอร์กิตปาร์ตี้สัญชาติไทยที่ดังไปทั่วโลกในชื่อ Songkran
หลังจากโดนพิษโควิดจนต้องงดจัดไปนาน ปีนี้กลับมายืนหนึ่งอีกครั้งกับ Songkran 2023 ปาร์ตี้ชาวเกย์ที่นักเที่ยวทั่วโลกตั้งตาคอย 13-16 เมษายนนี้ แต่ก่อนที่เราจะไปพูดถึงความพิเศษและอลังการของงานในปีนี้ ลองไปทำความรู้จัก คุณอุ้ย (สุเมธ ศรีเมือง) และคู่ชีวิตชาวสิงคโปร์ คุณทอม (ตัน เซียงเกี๊ยบ) ผู้ก่อตั้งและบุกเบิกปาร์ตี้เกย์แบบเฟสติวัลเป็นรายแรกของประเทศ และทำให้ประเทศไทยเข้าใกล้ความเป็นเกย์เดสติเนชันระดับโลกยิ่งขึ้นไปอีก
"ตอนนั้นทอมเรียนด้านการเงินที่เอ็นวายยูและใช้ชีวิตอยู่นิวยอร์กสี่ปี ส่วนอุ้ยตามไปอยู่ด้วยหลังจากพบรักกันที่เมืองไทย ไปเที่ยวไปปาร์ตี้และคลับทั้งเกย์และไม่เกย์ เห็นมาเยอะ สัมผัสมาเยอะ ทั้งในอเมริกาและที่อื่น หลัก ๆ ต้องขอบคุณ Roxy (ปิดตัวอย่างถาวรไปเมื่อปี 2007) กับ The Limelight ที่เป็นคลับระดับตำนานที่จนทุกวันนี้ยังไม่มีใครสู้ได้ มีแต่ดีเจดัง ๆ ไปเล่น มีคนดังดาราไปเที่ยว มันเป็นสถาบันเลยแหละ คนถามทำไมจัดปาร์ตี้เกย์เก่ง โดนใจชาวเราขนาดนี้ ต้องบอกว่าจบจากสองสถาบันนี้ จบเกียรตินิยมด้วย ไม่ธรรมดา (หัวเราะ) อยู่กันที่นิวยอร์กสองปีจนทอมเรียนจบ ก็กลับมาเมืองไทยลู่ทางทำในสิ่งที่ชอบ โดยแยกตัวออกมากจากธุรกิจชิปปิ้งของครอบครัวทั้งคู่"
"ตอนนั้นเราก็เริ่มไปปาร์ตี้เกย์เล็ก ๆ ตามประเทศต่าง ๆ และเริ่มรู้จักเจ้าของปาร์ตี้และคนจัดงาน มีเพื่อนเยอะในแวดวงนี้ ตอนนั้นเอเชียมีปาร์ตี้เกย์ Nation ที่สิงคโปร์ที่จัดทุกปีตั้งแต่ 2001 เป็นต้นมา จัดได้สี่ปีก็โดนปิดเพราะมันใหญ่โตมากจนคุมไม่ได้ ตอนนั้นทั้งสองคนก็เบื่อ ๆ ธุรกิจที่บ้านก็ไม่ใช่สิ่งที่อยากทำไปตลอดชีวิต และยังหาอะไรที่ถูกใจทำไม่ได้ วันหนึ่งก็มองหน้ากัน จัดปาร์ตี้เกย์ไหมล่ะ ลองดู ก็เลยอีเมลหาเจ้าของ Nation ถามเขาว่ายังจะจัดปาร์ตี้ต่อไหม ถ้าไม่จัดเราจะจัดของเรานะ เป็นมรรยาทน่ะ เราไม่อยากไปทับไลน์คนที่เขาจัดมาก่อน เขาตอบมาว่าไม่เอาแล้ว ถ้าจะทำก็ขอให้โชคดี เอาใจช่วย เราก็เริ่มจากตรงนั้น"
"ปีแรก 2007 จัดปาร์ตี้แรกของ gCircuit ชื่อ Songkran เป็นครั้งแรกที่ Hilton Millennium กับที่ Narcissus แค่สองคืน จัดช่วงสงกรานต์นี่แหละ เพราะมันเป็นเทศกาลที่มีชื่อเสียงและมีความเฉพาะตัวมากของไทย เป็นช่วงที่ต่างชาติมาเที่ยวเมืองไทยเยอะ แต่ยังไม่ใช่พีคซีซันของชาวเรา คนมาประมาณพันห้า ซึ่งถือว่าไม่น้อยเลยสำหรับครั้งแรก ดีใจมาก ตอนนั้นเราตั้งราคาบัตรไว้ค่อนข้างสูง และอยากทาร์เก็ตลูกค้าต่างชาติ อยากสร้างแบรนด์ให้ต่างชาติรู้จักก่อน อีกอย่างคือคนไทยส่วนใหญ่ในตอนนั้นยังไม่ชินกับคอนเซ็ปต์เกย์ปาร์ตี้แบบนี้ เพราะบ้านเราไม่เคยมี สถานที่ยอดนิยมยังเป็นสีลมซอย 2 และบาร์เกย์อยู่ จะว่าไปพวกอีดีเอ็มเฟสติวัลที่หญิงชายปกติไปกันตอนนั้นก็ยังไม่มีนะ เรียกว่าไม่มีปาร์ตี้แบบเฟสติวัลในบ้านเราเลยทั้งในซีนเกย์และไม่เกย์ในช่วงนั้น"
"จากนั้นเราก็ลองจัดปาร์ตี้หลายรูปแบบ เราจัด Fantasia เป็นอีกธีมหนึ่งที่สมุยและที่ภูเก็ต ซึ่งฟีดแบ็คดีนะ คนชอบมากเพราะมันอีกฟีลเลย แต่ไม่ได้กำไรเพราะต้นทุนสูงมาก บวกกับเรื่องการเดินทางและที่พักที่ตอนนั้นยังไม่ค่อยลงตัว ปัญหาเยอะด้วย เลยไม่เอาดีกว่า เจ็บตัว (หัวเราะ) ปีแรก ๆ คือสปอนเซอร์หายากมาก ทั้งที่เราประสบความเร็จมากขึ้นเรื่อย ๆ มาตั้งแต่ครั้งแรก หลัก ๆ คือความที่งานเราประกาศชัดเจนว่าเป็นปาร์ตี้เกย์ เขาก็บอกตรง ๆ เลยว่างานเกย์เขาให้ไม่ได้ โมโหมาก เพราะถ้าเราเป็นปาร์ตี้หญิงชายปกติสปอนเซอร์เข้าถล่มทลายแล้ว เนี่ยมันเป็นความลักลั่นในสังคมสมัยนั้นที่ทุกคนอยากได้พิงค์ดอลลาร์ อยากได้เงินจากกลุ่มลูกค้าเกย์ แต่น้อยคนจะสนับสนุนอย่างเต็มที่ ถ้ามาพูดแบบนั้นในตอนนี้แบรนด์ต่าง ๆ นี่คงโดนประณามไปแล้ว"
"จากนั้นก็ไม่ขอสปอนเซอร์อีกเลย สปอนเซอร์ตัวเองดีกว่า สบายใจ แถมไม่ต้องเอาใจคนให้เงินจนต้องยอมเสียเอกลักษณ์ของงาน ไม่ต้องทำป้ายชื่อสปอนเซอร์ใหญ่ยักษ์บังเวที หรือต้องทำในสิ่งที่มันขัดความรู้สึกด้วย ตอนนี้เริ่มมีสปอนเซอร์เข้ามาบ้างแต่ก็ยังน้อย น้อยมาก ๆ เราคิดว่าสังคมปัจจุบันเปิดกว้างมากขึ้นแล้วใช่ไหมแต่เรื่องแบบนี้ก็ยังจำกัดอยู่นะ เราสองคนควักกระเป๋าออกเงินจัดปาร์ตี้ไปก่อนที่จะได้เงินจากการขายตั๋วด้วยซ้ำ และไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องขายตั๋วได้เท่าไหร่ถึงจะได้กำไรเท่านั้นเท่านี้ เราเต็มที่ อยากทำให้ออกมาดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ กำไรมากน้อยก็แล้วแต่ปี ว่ากันไป แต่ทุกปีคนที่มาต้องประทับใจ ต้องว้าว ต้องอยากมาอีก บางทีลูกน้องต้องมาเตือน บอกพี่พอก่อน แค่นี้พอแล้ว (หัวเราะ)"
"กลยุทธ์ของเราคือหาสถานที่จัดงานที่ดีที่สุด ไม่ใช่สถานที่เหลือ ๆ ที่ไม่มีใครอยากไปจัดงานแล้ว เราก็โชคดีที่ได้ Centara ที่ร่วมงานกับเรามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเพราะงานเราพาคนพาทราฟฟิกเข้ามาในโรงแรม ในห้างของเขาเยอะมาก เรียกว่าเป็นการร่วมงานกันที่ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย อีกผู้ร่วมงานที่อยู่กับเรามานานและน่ารักมากคือ Pernod Ricard อยู่มาตั้งแต่ปีแรก ๆ และเข้าใจธรรมชาติของปาร์ตี้เราอย่างดี"
"สามสี่ปีต่อมาเราเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น เป็นปาร์ตี้ที่ชาวเกย์รู้กันว่าทุกเมษายนช่วงสงกรานต์ต้องมา แรก ๆ เราไม่รู้หรอกว่าดังขนาดไหน จนมีเพื่อนไปออสเตรเลียแล้วไปถามเกย์ที่นั่นว่ารู้จัก gCircuit ไหม หลายคนรู้จัก บอกว่าดังมาก เคยไป นั่นเป็นครั้งแรกที่เราเริ่มรู้สึกตัวว่าดังระดับโลกแล้วนะ แล้วก็เริ่มมีสื่อสิ่งพิมพ์เกย์เอาปาร์ตี้เราไปจัดอันดับรวมกับปาร์ตี้ใหญ่ ๆ ระดับโลกอื่น ๆ อย่าง Madi Gras หรือ Black and Blue ในเอเชีย Songkran คือปาร์ตี้เกย์ที่ใหญ่ที่สุดแล้วในตอนนี้ ตอนเริ่มคือของไต้หวันนะที่ใหญ่สุดในเอเชีย จนเราจัดมาถึงปีที่ห้านี่แหละก็ใหญ่กว่าเขาอย่างเป็นทางการแน่นอนแล้ว ไม่งั้นเราไม่กล้าเคลมซี้ซั้วหรอก (หัวเราะ) ภูมิใจมาก ๆ"
"สิ่งหนึ่งที่ทำให้ปาร์ตี้ของเรายังได้รับนิยมเรื่อยมากคือโปรดักชัน สี่คืนสี่คอนเซ็ปต์ไม่ซ้ำ ที่อื่นอาจจะโปรดักชันใหญ่แต่จัดกี่คืนก็แบบนั้นตลอดงาน ไม่มีใครบ้าเหมือนเราสองคน (หัวเราะ) 12 ชั่วโมงต้องเปลี่ยนทุกอย่างแบบไม่เหลือเค้าเดิมทุกคืน ซื้อตั๋วเข้างานสี่คืนก็เหมือนไปสี่ปาร์ตี้ ถ่ายรูปออกมาไม่ซ้ำ ทุกปีมีรูปแบบไม่เหมือนกันด้วย อะไรที่ทำแล้วเราจะไม่ทำอีก ปีแรก ๆ เราจัดแบบมีวันเปียกด้วย เป็นวันที่มีเล่นน้ำ มีน้ำไหลลงมาแบบเปียกจริงจัง สนุกมาก คนชอบมาก และเลือกได้ว่าอยากมาวันเปียกหรือไม่เปียก ถือเป็นเอกลักษณ์หนึ่งของงานที่ทำให้ต่างชาติรู้จักเรามากขึ้นไปอีก แต่น่าเสียดายที่ยิ่งปาร์ตี้เราใหญ่ขึ้น งานเปียกยิ่งจัดได้ยากขึ้นเพราะยังไม่มีสถานที่ที่รองรับได้ คนห้าหกพันคนในสถานที่ที่เปียกได้อย่างปลอดภัยมันไม่มี ตอนนี้เลยมีแต่งานแห้ง แต่คนก็ยังมาเพิ่มขึ้นทุกปีนะเพราะ Songkran เป็นแบรนด์ที่ติดตลาดไปแล้ว เป็นงานเกย์ที่ต้องมาทุกปี"
"อีกอย่างคือการแสดง เรามีโชว์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Roxy และ The Limelight เป็นโชว์สไตล์เวกัสแบบยิ่งใหญ่ที่ทำให้คนมีความรู้สึกร่วม มันว้าว ขนลุก น้ำตารื้นกันเลยขนาดนั้น ไม่ใช่แค่โชว์ลิปซิงก์ หรือออกมาเต้น ๆ และดีเจก็เป็นดีเจระดับโลกที่มีชื่อเสียง มีแฟน ๆ ติดตาม หลัง ๆ มามีติดต่อเข้ามาอยากมาเล่นในงานเราเยอะมาก บางคนบอกว่าเป็นความฝันเลยที่จะได้มาเล่นในงานเรา ปีนี้เราจัดสี่วัน หกปาร์ตี้ มีปาร์ตี้กลางวันเป็นพูลปาร์ตี้สองงานที่ Royal Orchid Sheraton แล้วก็งานกลางคืนทั้งสี่คืนที่ Centara เหมือนเดิม พูลปาร์ตี้แรกจะเป็นงานสำหรับเกย์พลัสไซส์หรือที่เรียกกันว่าหมี ซึ่งไม่น่าจะมีเฟสติวัลอื่นทำ ส่วนอีกวันสำหรับเกย์ปกติ งานกลางคืนปีนี้จะพิเศษมากเพราะทั้งสี่คืนจะมีธีมที่เชื่อมโยงกัน รับรองแปลกใหม่แน่นอน ปีนี้บัตรขายดีมากกว่าทุกครั้งและคนไทยซื้อตั๋วเยอะมาก ๆ ด้วยซึ่งตรงนี้เราดีใจมาก"
"ปีนี้ gCircuit อยู่มาครบ 16 ปีแล้ว เรียกว่าสร้างมรดกในเกย์ซีนไว้ประมาณหนึ่ง ปีล่าสุดที่จัดก่อนโควิดแขกที่มางานเปลี่ยนไปมาก บางส่วนเกษียนตัวเองจากการปาร์ตี้แล้ว (หัวเราะ) มีไม่น้อยเลยที่อยู่ในวัยที่เด็กลง บางคนประมาณ 20 กว่า ๆ เท่านั้น บอกว่ารู้จัก gCircuit มาตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น พออายุถึงแล้วก็บินมาเลย คนมาพบรักในปาร์ตี้เราก็หลายคู่นะ บางคนก็เข้ามาบอกว่า gCircuit สร้างแรงบันดาลใจให้เขา สร้างพื้นที่ให้เขา และทำให้เขารู้สึกแฮปปี้ที่จะเป็นตัวเอง"
"กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่น่าจะต้อนรับเกย์ที่สุดแล้วแห่งหนึ่งในโลก แต่การสนับสนุนมันยังไปไม่ถึงในระดับที่เป็นทางการ ปากเราบอกว่าต้อนรับนะ มาสิ เชิญชวนให้มา อยากให้เกย์มา แต่ยังไม่มีการลงมือสนับสนุนการท่องเที่ยวสีชมพู หรือกิจกรรมที่จะช่วยส่งเสริมแวดวงแอลจีบีทีคิวพลัสอย่างเป็นรูปเป็นร่าง ไม่ใช่แค่ปาร์ตี้เราแต่ยังพูดถึงกิจกรรมของกลุ่มเพศทางเลือกอื่น ๆ ด้วย ที่นอกจากจะสร้างชื่อเสียงแล้วยังสร้างรายได้มากมายให้ประเทศแบบเต็ม ๆ เพราะเกย์เป็นกลุ่มที่ใช้เงิน ชอบเที่ยว ชอบเดินทาง โควิดซาปุ๊บมาเที่ยวไทยทันที สู้ตายมาก (หัวเราะ) กรุงเทพฯ เป็นเกย์เดสติเนชันระดับโลกได้สบาย ๆ เลย"
"จากนี้ gCircuit จะยังอยู่คู่ซีนปาร์ตี้เกย์ต่อไปเรื่อย ๆ และนอกจากนี้เรายังมีแพลนที่จะแตกยอดธุรกิจไปจัดอีเวนต์สำหรับเกย์โดยเฉพาะงานแต่งงานสำหรับกลุ่มแอลจีบีทีคิวพลัส ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งที่เป็นที่ต้องการมาก ๆ ถ้าพรบ.คู่ชีวิตเกย์ผ่านออกมาได้ ขอให้ติดตามกันต่อไปครับ"
ติดตามข่าวอัพเดทงาน Songkran 2023 และซื้อบัตรเข้างานโดยตรงได้ที่นี่