Woo Café อิ่มท้อง อิ่มตา อิ่มใจในเชียงใหม่
ร้านกาแฟที่ผนวกอาร์ตแกลเลอรี่สุดชิคย่านวัดเกตกลางเมืองเชียงใหม่ อาจหลอกคุณให้คิดว่านี่คือร้านดอกไม้เมื่อมองแวบแรก แต่ถ้าได้เข้าไปนั่ง สั่งอาหารและเครื่องดื่ม จึงจะรู้ว่า Woo Cafe คือหนึ่งในเป้าหมายของนักเดินทางสายชิลทีเดียว
ถามเพื่อนๆ ชาว Café Hopper หลายคนว่าไปเชียงใหม่ มีคาเฟ่ร้านไหนบ้างที่ต้องไม่พลาด ในรายชื่อที่เพื่อนแต่ละคนบอกมาก มี Woo Cafe ติดมาด้วยทุกโผ และนั่นทำให้เราต้องเลาะเข้าซอยวัดเกตมาที่ร้านนี้
ตัวร้านปรับปรุงมาจากบ้านเก่า ด้านหน้ามีที่จอดรถเล็กๆ พอจอดได้ 5-6 คัน หน้าร้านมีเทอเรซที่ตกแต่งด้วยไม้ประดับเขียวขจี เมื่อเปิดประตูเข้ามา ทางซ้ายเป็นโซนนั่งรับประทานส่วนทางขวาเห็นแจกันหลากรูปทรงหลายขนาดปักดอกไม้เมืองหนาวหลากสีวางเรียงเป็นแนวทั้งบนพื้น บนเคาน์เตอร์ เป็นกลุ่มทั้งแนวนอนแนวตั้งราวกับเป็นร้านดอกไม้ และที่ซ่อนตัวอยู่หลังแจกันและดอกไม้สดเหล่านี้คือ เคาน์เตอร์กาแฟและเครื่องดื่ม ส่วนถาดใส่เค้กครอบด้วยฝาแก้วแอบซุกอยู่ระหว่างซอกแจกันตรงนั้นตรงนี้
หลังจากถ่ายรูปทุกกับดอกไม้ทุกแจกัน ทุกมุมแล้ว จึงเพิ่งได้สติว่าจะมาหาของกินนี่นา น้องๆ พนักงานเสิร์ฟก็ดีใจหายปล่อยให้ลูกค้าวี้ดว้ายชมดอกไม้กันจนพอใจ แล้วจึงชวนไปหาที่นั่ง ป้าๆ จึงได้สติสำรวมกิริยาเดินไปนั่งตามที่น้องๆ คนเสิร์ฟเชื้อเชิญ
ในโซนรับประทานอาหาร มีโต๊ะหลายขนาด เล็กใหญ่อยู่ตามมุมต่างๆ บางตัวเป็นโต๊ะเตี้ยกับโซฟา บางโต๊ะเป็นโต๊ะยาวติดป้ายว่า Table Sharing ให้อารมณ์เหมือนโต๊ะโรงอาหารที่แบ่งๆ กันนั่ง ซึ่งเจ้าของร้านแอบกระซิบว่าแบ่งๆ กันนั่งนี่ละดี เจอเนื้อคู่กันที่นี่มาหลายคนละ แจ๋วสิ คราวหน้ามาจะขอนั่งโต๊ะ Table Sharing เท่านั้น
เมนูเล่มเก๋ มีรายการอาหารหลายหลากหลายทั้งไทยฝรั่ง ฟิวชั่นก็มี น้องคนเสิร์ฟแนะนำว่าข้าวมันไก่ที่นี่ดีงาม แต่ว่าในหนึ่งวันเชฟจะทำแค่ 5 จานเท่านั้น เสียดายที่เราไปช้าเลยอด แต่ถึงอย่างนั้น จานอื่นๆ ที่ลองสั่งมาก็ไม่ทำให้ผิดหวัง
มาภาคเหนือ แต่เราจะสั่งข้าวยำของดีภาคใต้ใครจะทำไม แถมด้วยยำหัวปลีอาหารประจำถิ่นภาคกลาง พาสต้ากุ้งผัดพริกเมนูลูกครึ่งฝรั่งปนไทย
ข้าวยำมาเป็นชุด จัดเรียงมาอย่างสวยงามเรียกเสียงกรี๊ดได้ตั้งแต่น้องยกจานมาเสิร์ฟ เครื่องปรุงแต่ละชนิดจัดใส่ชามแก้วใบเล็ก เรียงมาในถาดยาวที่วางซ้อนอยู่บนชามดินเผาสีสวยใส่ข้าวหุงเป็นเม็ดสวยสีส้มและม่วง น้องคนเสิร์ฟจัดแจงคลุกให้ โดยบรรจงตักเครื่องปรุงแต่ละอย่างรวมลงในชามดูแล้วเหมือนจานสีที่ศิลปินเตรียมก่อนจะจุ่มแปรงลงไปแต้มสีเพื่อวาดภาพศิลปะ แล้วจึงคลุกทุกอย่างเข้าด้วยกัน รสชาติกลมกล่อมมาก น้ำบูดูที่ปรุงมาแล้วให้รสเค็มหวานเสมอกัน เมื่อเคี้ยวเจอมะม่วงดิบสับชิ้นหนาๆ ทำให้มี 3 รสกำลังดี เพิ่มความกรุบกรอบจากข้าวพอง ผักนานาชนิด
ส่วนพาสต้าสีดำผัดกับกุ้งและพริกขี้หนูสวน สีสันตัดกันดีระหว่างเส้นสีดำกับพริกสีแดง ผักชีสีเขียว และกุ้งผัดสีส้ม กลิ่นกระเทียมสับและพริกขี้หนูสดหอมฉุย รสชาติจัดจ้าน พอคลุกกับเส้นพาสต้าที่ต้มสุกกำลังพอดี เคี้ยวหนุบหนับ ลงตัวมากๆ
อีกจานหนึ่งที่สั่งมาชิมแล้วติดใจคือ ยำหัวปลี เป็นอาหารคนโบราณที่ถูกปากคนรุ่นใหม่ทีเดียว น้ำยำสามรสกลมกล่อม ถึงจะมีลิ้นจี่ผลไม้ประจำถิ่นเป็นหนึ่งในเครื่องปรุงหลัก ก็ไม่ได้หวานล้ำหน้า เรียกว่าเชฟคิดและทดลองทำมาแล้วเป็นอย่างดีว่าเมื่อกินทุกอย่างด้วยกันจะได้รสชาติที่กลมกล่อม แกล้มด้วยกุ้งสดตัวโต
จบภารกิจที่โต๊ะอาหาร ก็เริ่มเพ่นพ่านเดินชมร้าน ชั้นสองเป็นแกลเลอรี่เล็กๆ แสดงผลงานทั้งภาพวาด สื่อผสม ที่ดูทันสมัย แต่ก็มีกลิ่นอายความเป็นไทยๆ อยู่ด้วย
ชมแกลเลอรี่แล้ว แวะเข้าห้องน้ำที่ชั้นสอง เปิดประตูเข้าไปแล้วต้องตกใจกับอ่างอาบน้ำขนาดยักษ์ ต้องเลี้ยวขวาไปจึงเป็นโถนั่ง
ออกมาแล้ว สามารถเดินไปหน้าร้านอีกฝั่งหนึ่งซึ่งเพิ่งเปิดเป็นร้านขายของเก๋ๆ มีดีไซน์ ให้ชื่นชมและซื้อกลับไปได้
เสียดายที่ท้องเต็มเสียแล้ว ยังไม่ทันได้ลองชิมขนมกับเครื่องดื่มเลย เอาไว้คราวหน้าค่อยมาจัด อ้อ ต้องไม่ลืมมองหาโต๊ะ Table Sharing ด้วยนะ เผื่อน่ะ เผื่อ...