‘It’s a fairytale town, isn’t it? How’s a fairytale town not somebody’s f***ing thing? How can all those canals and bridges and cobbled streets and those churches, all that beautiful f***ing fairytale stuff, how can that not be somebody’s f***ing thing, eh?’ (In Bruges, 2008)
ฉากหนึ่งในหนังIn Brugesที่ Ralph Fiennes พูดถึงเมืองบรูจว่าเป็นเมืองแห่งเทพนิยายเมืองที่เต็มไปด้วยคลอง สะพานและถนนที่ปูด้วยหินและโบสถ์จากยุคกลางเมืองที่ใครๆก็หลงใหลนักท่องเที่ยวมาที่นี่ก็เพราะสิ่งเหล่านี้แล้วก็ได้ซื้อเบียร์ช็อคโกแลตงานลูกไม้ถักติดไม้ติดมือไปฝากเพื่อนฝูง
Credit Exchanger คือคนที่ทำตัวเหมือนธนาคารในปัจจุบัน จะเป็นบุคคลที่ทำหน้าที่ออกwisselbrief (bill of exchange) ให้พ่อค้าต่างชาติซึ่งเปรียบคล้ายกับตั๋วเงินที่จะสามารถเอากลับไปขึ้นเงินสดที่บ้านตัวเองได้ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องถือเงินสดจากการค้าขายระหว่างเดินทางไกลอาชีพนี้ก็จะไม่จำกัดว่าต้องเป็นคนจากบรูจเท่านั้นจึงมีพ่อค้าจากต่างประเทศมากมายที่ทำตัวเป็น‘ธนาคาร’ และหนึ่งในพ่อค้าที่ผู้คนสมัยนั้นเชื่อถือก็คือคนจากตระกูลDe’ Medici มาจากเมืองฟลอเรนซ์ประเทศอิตาลีLorenzo De’ Medici ที่มาตั้งรกรากในบรูจระยะหนึ่ง
Huis ter Buerse
การคิดอัตราแลกเปลี่ยนเงินสกุลต่างๆสมัยนั้นทำโดยพ่อค้าแต่ละชาติมารวมตัวกันแล้วตกลงราคากันเองการประชุมนี้ก็มักจะจัดกันขึ้นที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งในใจกลางเมืองชื่อHuis ter Buerse ซึ่งเป็นกิจการของครอบครัวBuerse ต่อมาในปี1531 เมืองAntwerp ตั้งstock exchange จึงได้นำเอาชื่อไปใช้เป็นAntwerpse Beurs (Antwerp Exchange) คำว่าBeurs ยังถูกนำไปใช้ตั้งชื่อในลอนดอน(ซึ่งในสมัยElizabeth I ต้องเปลี่ยนไปใช้Royal Exchange แทน) และอัมสเตอร์ดัม(Beurs van Hendrick de Keyser)
สภาพเมืองสมัยนั้น
ในยุโรปคำว่าBeurs ยังถูกใช้อยู่แต่เปลี่ยนไปตามภาษาเช่นbourse, borsa, bolsa, borze, die Borse
ร่องรอยจากอดีต
ปัจจุบันตัวโรงเตี๊ยมHuis ter Buerse ก็ยังคงอยู่แต่ได้ถูกปรับเปลี่ยนเป็นสถานีวิทยุท้องถิ่นในยุคโบราณโรงเตี๊ยมแห่งนี้เปรียบเสมือนโรงแรงห้าดาวในยุคปัจจุบันเพราะที่นี่จะมีแต่นักธุรกิจเข้าพักและโถงล้อบบี้ของโรงเตี๊ยมก็กลายเป็นสถานที่ติดต่อธุรกิจของพ่อค้าไปโดยปริยายและในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ก็จะมีผู้เชี่ยวชาญที่ปักหลักอยู่ในโรงเตี๊ยมคอยให้คำปรึกษากับพ่อค้าที่แวะเวียนมาหาข้อมูลการลงทุนทำการค้าอยู่เนืองๆ จนกิจกรรมนี้ถูกเรียกว่าBuerse purse ซึ่งกลายมาเป็นจุดเริ่มของstock exchange ในปัจจุบัน
ยุคทองของเมืองบรูจยืนยาวเกือบสองร้อยปีก็เนื่องมาจากการขุดคลองเป็นทางออกไปสู่ทะเลพอเริ่มศตวรรษที่15 ความสำคัญของเมืองเริ่มลดถอยลงเพราะคลองที่ขุดไว้เริ่มตื้นเขินประกอบกับเมืองAntwerp เริ่มมีความสำคัญขึ้นจนกลายเป็นศูนย์กลางของLow Countries