Magic Moment ช่วงเวลาสุดมหัศจรรย์เมื่อเจอเสื้อผ้าตัวที่ใช่
หลายวันก่อนมีโอกาสไปกินข้าวกับเพื่อนชาวสิงคโปร์ที่ไม่ได้พบหน้ากันเกือบปี (ปกตินางมาเมืองไทยบ่อยมากเพราะมาติดต่อธุรกิจ แต่นี่ว่างเว้นไปนาน) ช่วงประมาณปีสองปีมานี้คุยกันเรื่อย ๆ ก็ได้รับทราบว่าอยู่ดี ๆ แมท เพื่อนคนนี้ เกิดมีความบ้าคลั่งหลงใหลในงานออกแบบของ Hedi Slimane ที่ Saint Laurent มากเป็นพิเศษ และมากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงขนาดที่ว่า การตามเก็บงานออกแบบของ Hedi กลายเป็นงานอดิเรกนอกเวลางานของนางไปแล้ว และนางก็ศึกษาจริงจังถึงขั้นที่ว่า รู้ไปหมดในทุกรายละเอียดของทุกคอลเลคชั่นที่ดีไซเนอร์คนนี้ออกแบบ ทั้งคอลเลคชั่นเสื้อผ้าบุรุษและเสื้อผ้าสตรี ปัจจุบันนางเฝ้าฝันอยู่ว่า จะต้องซื้อหาแจ็คเก็ตหนังตัวหนึ่งในคอลเลคชั่นนึงของ Hedi มาครอบครองให้จงได้ (แต่ถามว่าจะใส่ไปไหนในสิงคโปร์ นางตอบว่า ใส่ไปออฟฟิศก็ได้ แอร์เย็นอยู่ 555) เรื่องการที่ใครจะมีแฟชั่นดีไซเนอร์ซักคนสองคนในดวงใจจนถึงขั้นนี้นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่เรื่องแปลกอะไร เราเองก็ชาบูงานออกแบบของ Dries Van Noten และ Rick Owens อยู่ไม่น้อย อาจจะไม่ถึงขั้นตามเก็บมากแบบแมท แต่เป็นอารมณ์เห็นป้ายชื่อเป็นอันว่าพร้อมซื้อได้ทุกที แต่เรื่องที่น่าสนใจที่แมทเล่าให้ฟังก็คือ มีอยู่วันหนึ่ง ตอนที่นางเริ่มสนใจงานออกแบบของ Hedi ใหม่ ๆ แมทตัดสินใจว่า โอเค วันนี้แหละ จะเดินเข้าร้าน Saint Laurent ไปลองกางเกงยีนส์ทรงสลิมตัวที่เคยเล็งไว้นานแล้ว และถ้าถูกใจก็จะซื้อใส่ แพงเท่าไหร่ก็ไม่เกี่ยง นางออกจากบ้าน บึ่งไปร้าน Saint Laurent ในสิงคโปร์ในวันนั้น แล้วขอกางเกงยีนส์สีดำทรงสลิมฟิตตัวหนึ่งมาลองใส่ดู ผลปรากฏว่า นางไม่รู้สึกถึง “Magic Moment” เมื่อได้ลองใส่ ก็เลยคุยกับพนักงานที่ร้าน ปรากฏว่า กางเกงตัวที่แมทลองเป็นงานของ Hedi Slimane ที่ถูกตีความใหม่โดย Anthony Vaccarello ดีไซเนอร์คนปัจจุบัน ทรงกางเกงเลยจะถูกปรับเปลี่ยนไปจากงานดั้งเดิมของ Hedi อยู่เล็กน้อย แมทจึงถามต่อว่า แล้วมีตัวไหนที่ยังเป็นงานดีไซน์เดิมของ Hedi ไหม เพราะทราบอยู่ว่า งานออกแบบของ Hedi บางส่วนยังคงมีขายในร้านในฐานะ permanent collection ของ Saint Laurent พนักงานจึงไปหยิบอีกตัวมาให้ลอง พอได้ลองสวมเข้าไปในไซส์ของตัวเองแล้วนั่นแหละที่แมทพบ magic moment อย่างที่ตามหาในตอนนั้น ทรงมันใช่ ความฟิตพอดีตัว เนื้อผ้า และทุกรายละเอียดของกางเกงตัวนั้น จึงได้เสียเงินให้กับตัวหลังไป
เราฟังแล้วประทับใจมาก และก็เข้าใจมาก ๆ เช่นกัน เพราะเรารู้สึกแบบนั้นเลยกับกางเกงตัวแรกของ Dries Van Noten ที่เราซื้อมา คือถ้าดูกันภายนอก กางเกง chino สีเทาดำของ Dries Van Noten ตัวนั้นเป็นกางเกงที่ดูธรรมดามาก ไม่ได้มีอะไรโดดเด่น แต่ตอนที่ได้ลองสวม สัมผัสของเนื้อผ้าหนากำลังดีที่มาโดนขาเรา ความพอดีของไซส์ (เคยเจอมั้ย บางยี่ห้อทำไซส์มาแบบ เอสเล็กไปนิด แต่เอ็มก็หลวมไปหน่อย เลยซื้อไม่ได้ แต่กับ Dries Van Noten เราใส่ size 48 ได้พอดีเป๊ะ) ทรงขาที่ไม่สลิมแต่เป็นทรงตรงกำลังพอเหมาะ รายละเอียดของกระดุมสองเม็ดตรงช่วงเอว กระเป๋ากางเกงมีช่องเล็กสำหรับใส่เหรียญ (โอเค อันนี้ Uniqlo ก็มี 555) ฯลฯ รายละเอียดทั้งหมดนี้ทำให้พอลองเสร็จคือ เดินออกมาจากห้องลองในอารมณ์พร้อมจะขายวิญญาณให้กับ DVN ไปในบัดเดี๋ยวนั้น #พูดจริงไม่ได้พูดเล่น 55 และขอสารภาพไว้ตรงนี้ด้วยว่า วันแรกที่หยิบกางเกงตัวนี้มาใส่คือชอบมาก รู้สึกดีกับมันทั้งวันจนวันถัดมาหยิบมาใส่ต่อกันเลยอีกหนึ่งวันเต็ม ๆ ทั้งนี้โดยที่ไม่ได้มีใครสังเกตเลย 55 เพราะกางเกงมันก็สีเทาดำเรียบ ๆ อะนะ อันที่จริง อยากขยายความต่อไปอีกว่า ทุกวันนี้เรามีความตั้งใจเล็ก ๆ อยู่ว่า ถ้าไปลองเสื้อผ้าตัวไหนแล้วไม่รู้สึกถึง magic moment แบบที่เล่ามาก็คิดว่าจะไม่ซื้อนะ คือบางทีเราไปเลือกซื้อเสื้อผ้า ต้องยอมรับว่ามันไม่ใช่ทุกครั้งที่เราจะลองใส่แล้วชอบมากหรือรู้สึกว่าใช่อะไรขนาดนั้น แต่เราซื้อเพราะมันเซล หรือเราซื้อเพราะมันเป็นยี่ห้อที่ชอบ หรือจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ การตัดสินว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อด้วย magic moment มันก็ฟังดูเป็นการใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลยังไงพิกล แต่เรายังรู้สึกว่ามันเป็นการใช้อารมณ์ที่ดีสำหรับเราในการตัดสินว่าเราควรเสียเงินให้กับเสื้อผ้าชิ้นนั้น ๆ ไหม เพราะเราไม่อยากซื้อ/ช้อปปิ้งเรื่อยเปื่อยแล้วล่ะ เราอยากซื้ออะไรที่เราชอบจริง ๆ และจะใส่มันไปได้ยาวนานที่สุด
ล่าสุดเลย เอิ่ม เมื่อไม่นานมานี้ก็เพิ่งจะไปมี magic moment กับเสื้อแบรนด์ญี่ปุ่นยี่ห้อหนึ่ง (บอกชื่อก็ได้มั้ง – Tsumori Chisato) ที่ไม่เคยคิดจะชายตามอง (เพราะมันแพง) แต่วันนั้นเจอลดราคาอยู่ 60% แล้วพอลองก็พบว่า มันใช่มาก ๆ ในทุกรายละเอียด แถมราคาก็โคตรดี ก็เลย เอ่อ ตำมาแล้วเรียบร้อยอีกหนึ่งตัว เอาเป็นว่า จะตัดสินการซื้อเสื้อผ้าด้วย magic moment ก็ทำไป (บอกตัวเอง) แต่อย่า magic กันบ่อยเกินไปละกัน เดี๋ยวเงินในกระเป๋ามันจะ magically disappeared too fast 555