ศิลปินชื่อ วินเซนต์ แวน ก๊อก เป็นนักวาดภาพที่โด่งดังตลอดกาลสำหรับคนทั้งโลก หากแต่ชีวิตเขาสุดแสนจะอาภัพนัก นอกจากจะมีฐานะยากจน แล้วยังมีอาการป่วยทางจิตและเสียชีวิตด้วยวัยเพียง 37 ปีในที่สุด
ชั่วชีวิตอันแสนสั้นของแวน ก๊อก (ฟาน ก็อก หรือบางทีเรียกแวน โก๊ะ)เขาไม่เคยเดินทางมาญี่ปุ่นแต่อย่างใด หากแต่ภาพเขียนจากประเทศญี่ปุ่นต่างหากที่มาแสดงที่ปารีส ทำให้แวน ก๊อกได้มีโอกาสชมภาพเหล่านั้นและซื้อภาพพิมพ์ไว้มากมาย จนกระทั่งสีสรรรต่างๆ แบบญี่ปุ่นได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจ และปรากฏอยู่ในภาพวาดของเขาอย่างน่าดูทีเดียว
"Almond Blossoms" ภาพวาดแบบญี่ปุ่น แสดงแบบศิลปะดิจิทัลิอิมเมอร์ซีฟที่งาน Van Goh Alive Bangkok
ภาพวาดแบบญี่ปุ่นและงานภาพเขียนสีน้ำมันถูกจับมาเป็นธีมงาน “แวน ก๊อก และแจแปน” ที่หอศิลป์ของโตเกียวได้อย่างลงตัว ผลงานภาพเขียนและภาพพิมพ์ของญี่ปุ่น ถูกจัดเรียงสลับกับงานของ แวน ก๊อก ในแบบที่ไม่มีงานนิทรรศการใดจะคุ้มค่าตั๋วเพียง 1,600 เยน (ประมาณ 500 บาท) กว่างานนี่อีกแล้ว
นิทรรศการนี้แสดงให้เห็นถึงความบ้าบิ่นของแวน ก๊อกแบบที่ศิลปินระดับโลกไม่ค่อยจะทำกัน นั่นคือการลอกแบบภาพวาด แต่แวน ก๊อกกลับจงใจเลียนแบบผลงานเช่น “ต้นบ๊วย” และ “สะพานในสายฝน” ของเอนโดะ ฮิโรชิเกะอย่างไม่เคอะเขิน ถ่ายทอดเสน่ห์ของญึ่ปุ่นออกมาได้จับใจคนทั้งโลกไม่เพียงแต่ในตะวันตก เพราะสะพานไม้ สายฝน ต้นไม้ ล้วนเป็นความงามที่บริสุทธิ์เหลือเกิน ในอดีตที่ไม่มีเรื่องเงินทองมาเป็นแรงขับเคลื่อนอย่างปัจจุบัน


ภาพที่เป็นไฮไลต์ของงานเห็นจะเป็น Coutesan ภาพนี้เป็นโปสเตอร์ของงานแสดงครั้งนี้ที่ให้เกียรติผู้เป็นแบบในภาพอย่างสุดใจ แวน ก๊อกเองเคยใช้ชีวิตกับโสเภณีลูกติดอยู่หลายปีจนทำให้ครอบครัวของเขาต่างหมางใจกับเขาในเรื่องนี้ แต่สุดท้ายเขาตัดสินใจเลิกกับผู้หญิงที่สังคมรังเกียจ แต่เขารักมาก

อีกชิ้นที่เราเห็นอิทธิพลงานศิลปะแบบญี่ปุ่นกับงานของแวน ก๊อก นั่นคือ ดอก Oleader ซึ่งมีความโดดเด่นคือความเป็นภาพสองมิติแต่ใช้สีสรรที่ตัดกันอย่างฉูดฉาด แม้ภาพดอกทานตะวันของเขากลายเป็นภาพที่ราคาสูงสุดตลอดกาล แต่ภาพนี้ก็มีพลังไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย
ในสมัย1860 ชาวปารีสนิยมของประดับจากญี่ปุ่นมาวางอวดในห้องรับแขกอย่างแพร่หลาย ภาพของนักสะสมงานศิลป์ Père Tanguy (แปร์ ตองกีย์) ผู้นี้ให้แวน ก๊อกาดภาพเหมือนของเขาโดยมีภาพวาดญี่ปุ่นเป็นฉากหลัง แวน ก๊อกหลงใหลศิลปะญี่ปุ่นอย่างมากและพัฒนาในงานของเขาในยุคที่เขาย้ายไปอยู่เมือง อาร์ล ทางใต้ของฝรั่งเศสกับศิลปินชื่อดัง พอล โกแกง

ถ้าต้องนับจำนวนผลงานภาพเหมือนของตัวเอง แวน ก๊อกคงต้องถูกยกย่องให้เป็นนักเซลฟี่ยุคบุกเบิกตัวจริง เขาวาดภาพเหมือนของตัวเองกว่า 30 ชิ้นและมีลายเซ็นชัดเจน หากเราสังเกตให้ดีในฉากหลังก็ยังมีภาพพิมพ์ญี่ปุ่นในรูปอยู่เสมอ

ภาพห้องนอนและสะพานก็เป็นภาพประจำตัวของเขาที่ชาวโลกรู้จักกันดี ช่วงนี้เองที่เราได้เห็นความรุ่งเรืองของสีสัน เมืองชนบทแถวโปรวองซ์ อากาศที่ดีตลอดปีช่างเป็นดินแดนในฝันของทุกคน แต่แล้วชีวิตก็ไม่ได้มีแค่นั้น มนุษย์ยังคงต่อสู้กับโลกกับความสัมพันธ์ แวน ก๊อกเองก็ถึงจุดพีคของชีวิต เขาตายในทุ่งหญ้า บ้างก็บอกว่าเขาฆ่าตัวตาย บ้างก็บอกว่าเป็นฆาตกรรม

ตลอดช่วงชีวิตของแวน ก๊อก เขาขายรูปของเขาได้เพียงชิ้นเดียว แต่หลังการเสียชีวิตของเขา งานของเขากลายเป็นที่ต้องการของนักสะสมเรื่อยมา หากท่านไปโตเกียวช่วงนี้ ได้โปรดแวะไปเยือนหอศิลป์แห่งนี้ที่ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะอูเอโนะ นั่งรถไฟใต้ดินหรือสายเจอาร์ลงสถานีชื่อเดียวกันนี้เลย ได้ทั้งชมสวน เดินเล่น ดูภาพแวน ก๊อกและภาพเขียนญี่ปุ่น คุ้มค่าเหลือเกินกับการพักผ่อนและได้เสพงานระดับโลก ยิงปืนนัดเดียวแต่ได้นกถึงสี่ตัวมีแค่ในสวนอูเอโนะยามนี้เท่านั้น
STORY BY วิคเตอร์