”แอนติโต้” เสิร์ฟอาหารอิตาเลียนจากเหนือจรดใต้อร่อยไม่ซ้ำใคร รังสรรค์โดยเชฟมิชลิน
อิตาเลียน ไม่ต้องเลี่ยนเสมอไป เหล่าบรรดาฟู้ดดี้แฟนพันธุ์แท้รู้กันอยู่ว่าอาหารอิตาเลียนเป็นอาหารยุโรปยอดนิยมขนาดไหน แต่พาสต้า พิซซ่า แบบที่ชิมกันบ่อยๆ ไม่ใช่ทั้งหมดของของเขา แน่นอนยังมีจานอื่นทีมีความดั้งเดิม และความอร่อยไม่แพ้กัน
ตามมาชิมกันได้เลย เจิมร้านใหม่ ”แอนติโต้” ที่โรงแรมอีสติน แกรนด์ สาทร กรุงเทพฯ ที่เสิร์ฟอาหารอิตาเลียนที่ไม่ต้องเหมือนใคร เชฟอเมริโก้ ติโต้ เซสทิ ต้องการรังสรรค์ให้ร้านนี้ของเขาเป็นร้านที่เสิร์ฟอิตาเลียนหลากหลายไม่จำเจ อย่างพิซซ่าทอด ซึ่งเป็นอาหารจากทางใต้จากเมืองเนเปิ้ลส์ มีให้ชิมกันที่นี่ (380 บาท)
เชฟอเมริโก้ บอกกับ HappeningBKK เมื่อก่อนผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมหาเมนูนี้กินที่อื่นไม่ได้ เลยคิดว่าเอามาทำดีกว่า เชฟบอกว่าอาหารที่ร้านเป็นแบบคอมฟอร์ทฟู้ด “ผมต้องการเสิร์ฟอาหารอิตาเลียนที่มีความแตกต่างจากที่มีอยู่ทั่วๆ ไป”
สำหรับนักกินนักชิมคงคุ้นหูกับชื่อ เชฟอเมริโก้ เป็นอย่างดี ด้วยดีกรีรางวัลเชฟมิชลินหนึ่งดาวห้าปีซ้อน (2018-2022) จากห้องอาหารฝรั่งเศส แฌม บาย ฌอง มิเชล โลรองต์ ที่โรงแรมยูสาทร
สำหรับชื่อ ”แอนติโต้” ร้านน้องใหม่ของเชฟอเมริโก้นั้น มาจากการผสมผสานระหว่างคำว่า แอนตี้พาสตี้ (Antipasti) ที่หมายถึงอาหารเรียกน้ำย่อยในภาษาอิตาเลียน ส่วน ติโต้ (Tito) มาจากชื่อกลางของเชฟอเมริโก้ ติโต้ เซสทิ นั่นเอง
เมื่อมาถึงทีนี่แล้ว เมนูที่ห้ามพลาดคือ Cavatelli Arrabbiati (330 บาท) ซึ่งเป็นจานซิกเนเจอร์ของเชฟ เป็น พาสต้าคาวาเทลลี แบบโฮมเมดปั้นด้วยมือ ลักษณะคล้ายครองแครงตัวเล็กๆ เนื้อแน่นหนึบ ผัดกับซอสอาราเบียต้า (ซอสมะเขือเทศปรุงรสเผ็ด) โรยหน้าด้วยริคอตตาชีสรมควัน และ โหระพาอิตาเลียน เป็นอาหารถิ่นทางใต้ที่เชฟบอกให้รสสัมผัส “หนึบ” [ถึงตอนนี้เชฟพูดไทยว่า "หนึบๆ" แล้วหันมาถามว่าใช้คำถูกไหม]
ทั้งพิซซ่าทอดและพาสต้าคาวาเทลลีนี้ เป็นของดีจากทางใต้ทั้งคู่ แต่เปล่าค่ะเชฟอเมริโก้เองไม่ได้มาจากใต้ แต่เป็นเชฟชาวอิตาเลียนจากเมืองเบอร์กาโม ตอนเหนือของประเทศอิตาลีห่างจากมิลาน 60 กิโลเมตร
ถามเชฟว่าเมนูที่ทำโดยได้รับแรงบันดาลใจจากเมืองไทยมีบ้างไหม เชฟบอกว่าจานสลัดไงครับ มีการใช้น้ำปลาของอิตาลี และมีเสมอน และสมุนไพร มีความเผ็ดนิดๆ ลักษณะเหมือนยำของไทย จานนั้นคือ The Cuttlefish Salad (380 บาท) หรือสลัดปลาหมึก เสิร์ฟคู่กับซูกินีและแตงกวานั่นเอง จานนี้มีความไทยที่รสเผ็ดนิดๆ ติดลิ้นจากยี่หร่าด้วย
ใครอยากชิมอาหารถิ่นทางเหนือ ต้องลองสั่งเมนคอร์ส ซึ่งมีให้เลือกหลายเมนู ทั้งสายเนื้อ สายเส้น หรือซีฟู้ด วันที่ไปชิมทุกจานอร่อยหมดแต่มีความแตกต่างกันที่ดีเทล แต่ที่อยากแนะนำให้ชิมจุกๆ กันไปก็คือจานจึ้งๆ ที่เป็นซิกเนเจอร์ของเชฟอย่าง Pork Collar with Potato and Carrot Puree (670 บาท) คอหมูตุ๋นราดด้วยซอสไวน์แดง เสิร์ฟคู่กับมันฝรั่งและแครอทบด จานนี้ทีเด็ดอยู่ที่คอหมูที่ตุ๋นจนเข้าเนื้อนุ่มกำลังดี และเพิ่มความอร่อยด้วยมันฝรั่งและแครอทบด แบบโฮมสไตล์ที่เชฟจำมาจากฝีมือแม่ จานนี้ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นแขกกำลังนั่งทานอาหารกับครอบครัวชนบทในอิตาลีเลยทีเดียว
แฟนพันธุ์แท้สปาฯ ลอง Spaghetti Aglio Olio and Seafood (360 บาท) ซึ่งเป็นซิเนเจอร์อีกจานของเชฟ เป็นจานสปาเก็ตตี้ซีฟู้ด เส้นลวกแบบอัลเดนเต้ มีความกรึบนิดๆ ผัดกับซอสกระเทียมน้ำมันมะกอก เพิ่มรสชาติด้วยน้ำปลาอิตาเลียน หรือจะลอง Crustacean Risotto (590 บาท) รีซอตโตข้าวเหนียวกุ้งลายเสือ ต้องบอกก่อนว่ารสสัมผัสแตกต่างเพราะทำจากข้าวเหนียว อร่อยแบบใหม่กันไป
หรือสายเนื้อ ต้องจานนี้สมศักดิ์ศรีเชฟมิชชิน Veal Ossobuco in Gremolada (980 บาท) จานนี้มาจากเนื้อเช่นกันเป็นเนื้อลูกวัวตุ๋นสไตล์มิลาน โรยหน้าด้วย Gremolada ที่มีส่วนผสมของ พาร์สลีย์ ผิวเลมอน และ กระเทียม เสิร์ฟคู่กับแครอทบด ส่วนของหวาน อร่อยไม่ไหว อันนี้ต้องแนะนำให้สั่งให้ครบ (ไปหลาย ๆ ครั้งถ้าครั้งแรกกวาดไม่หมด) sorbet สุดจึ้งเกินบรรยาย อย่าลืมเหลือพื้นที่ไว้ตบท้ายด้วยของหวานที่ เมอแร็งก์ เสิร์ฟคู่กับไอศกรีมเจลาโตในรสชาติที่คุณชื่นชอบตามแบบฉบับอิตาลี ของหวานทุกตัวเชฟการรันตี เพราะเชฟตอบเราไม่ได้เลย ถามว่าตัวไหนอร่อย เชฟบอกว่าเชฟรักทุกตัว..ว่าไปซั้น
เชฟอเมริโก้เชื่อว่าศิลปะและอาหารเป็นของทุกคน และอยากให้ห้องอาหารแอนติโต้ ที่มีการผสมผสานงานศิลปะป็อปอาร์ตผ่านเรื่องราวอาหารในแบบสร้างสรรค์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ ไม่ต้องมองอื่นไกล ตุ๊กตาแดงบนโต๊ะบ่งบอกได้ดี เชฟตามซื้อและขนมาด้วยตนเองด้วยความชื่นชอบงานของศิลปินอเมริกัน Jeff Koons
ร้านตกแต่งด้วยศิลปะป็อปอาร์ตของศิลปินชื่อดังอย่าง คีธ แอริ่ง, รอย ลิกเทนสไตน์ และ แอนดี้ วอร์ฮอล ทำให้มีความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นใจกลางเมือง หน้าร้านมีภาพวาดสนุกสนานของเชฟเหมือนคอยต้อนรับผู้มาเยือนทุกท่าน การตกแต่งเน้นใช้เฟอร์นิเจอร์ที่เรียบง่ายสีสันสดใส มีภาพวาดที่เคาน์เตอร์บาร์ขนาดใหญ่โดดเด่นสะดุดตา ที่สามารถดึงดูดผู้คนให้ตกหลุมรักกับไลฟ์สไตล์ในแบบอิตาเลียนที่เรียกว่า “Aperitivo” คือเริ่มต้นจากจิบดริ้งยามบ่ายแล้วความสนุกสนานก็นำพาไปสู่มื้อค่ำอันแสนวิเศษ
ด้วยบรรยากาศห้องอาหารแบบเปิดโล่ง บนชั้น 14 ชั้นสระน้ำของอีสติน แกรนด์ สาทร กรุงเทพฯ ร้านแอนติโต้ เหมาะเหลือเกินที่จะไปนั่งชิลล์กับครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนสนิท ในช่วงที่เรายังกล้าๆ กลัวๆ กับโอมิครอนกันอยู่ ถึงจะไม่มีแอรืแต่อากาศเย็นสบายลมเย็นสบาย ๆให้ความรู้สึกผ่อนคลาย
เชฟให้ความสำคัญและพิถีพิถันกับทุกเมนูทุกจาน เมนูของเชฟเน้นวัตถุดิบที่เลือกสรรมาอย่างดีและหาได้ง่ายในประเทศไทย โดยส่วนหนึ่งก็มีนำเข้าจากอิตาลี ที่สำคัญเชฟไม่ได้คำนึงถึงการปรุงแต่งอาหารเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เชฟยังเน้นอาหารทุกจานที่เสิร์ฟต้องคุ้มค่าคุ้มราคามากที่สุด
บทสรุปของการได้เทสต์เมนูที่ ”แอนติโต้” คืออร่อยไม่ซ้ำใคร ต้องมาซ้ำแน่นอน ด้วยความอิ่มทั้งสายตาและรสชาติอาหารบวกบรรยากาศสบาย แต่คราวหน้าอาจต้องลองอยู่ต่อแฮงเอาท์ ที่โซนบาร์เพื่อย่อยอาหารเสียหน่อย
ร้านแอนติโต้ ตั้งอยู่ที่ชั้น 14 ชั้นสระน้ำของโรงแรม
เปิดบริการทุกวันตั้งแต่ 11.30 - 23.00 น
พร้อมดีเจประจำห้องอาหารทุกวันพฤหัสบดี-อาทิตย์ เวลา 18.00 - 21.00 น