HAPPENING BKK
NLINE MAGAZINE
×
“โรเมโอกับจูเลียต” บนเหลี่ยมเพชร
by วรวุฒิ พยุงวงษ์
28 ส.ค. 2562, 15:13
  1,403 views

        บ่อยครั้งที่ศิลปะแขนงหนึ่งจะสร้างแรงบันดาลใจในการออกแบบ สร้างสรรค์ผลงานศิลปะต่างแขนง ภาพวาดสักภาพอาจกลายเป็นวรรณศิลป์ ในขณะที่สถาปัตยกรรมนำมาซึ่งศิลปะแห่งแพรพรรณ และ Van Cleef & Arpels ก็เช่นกัน เมซงผู้ผลิตเครื่องประดับอัญมณีชั้นสูงมีความรัก และผูกพันกับศิลปะแขนงต่างๆ มานับแต่ก่อตั้ง ไม่ว่าจะเป็นศิลปะอาร์ตเดโคซึ่งปรากฏเป็นลวดลายบนผลงานชิ้นต่างๆ มาตลอดทุกยุคสมัย

        ระบำปลายเท้าหรือบัลเลต์ อันนำมาซึ่งบรรดาเข็มกลัดนางระบำสุดเลื่องชื่อจากยุคสงครามโลกจวบจนปัจจุบัน แฟชั่นการแต่งกาย ซึ่งถูกดัดแปลงมาเป็นสร้อยคอทรงซิป หรือเครื่องประดับจำลองแบบกระดุมที่เรียกว่า Bouton (บูตง)  และเหนืออื่นใดก็คือตำนาน กับวรรณกรรมต่างๆ ได้สร้างแรงบันดาลใจในการผลิตผลงานเล่าเรื่องหรือคอลเลคชั่น “วรรณกรรม” (Thematic Collection) ที่หลายชิ้นถูกจับจ้องเป็นเจ้าของตั้งแต่ยังเป็นแค่ภาพร่างแบบ ไม่ว่าจะเป็นคอลเลคชั่น “เรือของโนอาห์” หรือ “นิทานพี่น้องสกุลกริมม์”

        และล่าสุด เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ในเวลาประจวบเหมาะกับการแสดงแฟชั่นชั้นสูงคอลเลคชั่นประจำฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 2019-2020 ณ กรุงปารีส Van Cleef & Arpels ได้เปิดตัวคอลเลคชั่นเครื่องประดับอันได้รับแรงบันดาลใจมาจากสุดยอดบทละครโศกนาฏกรรมแห่งความรักระดับตำนาน นั่นก็คือ “โรเมโอกับจูเลียต” ของวิลเลียม เชกสเปียร์

        “สำหรับเรา การเลือกโรเมโอกับจูเลียต ถือเป็นเรื่องปรกติด้วยเหตุผลหลายประการ อันดับแรก วรรณกรรมนั้นก็เป็นหนึ่งในแหล่งกำเนิดแรงบันดาลใจให้แก่เมซงมาตลอดอยู่แล้ว และตอนปี 2003 เราก็ได้ยกย่องผลงานการประพันธ์ของเชกสเปียร์ไปแล้วครั้งหนึ่งกับคอลเลคชั่น “รัตติกาลนิมิตกลางคิมหันต์” หรือ A Midsummer Night’s Dream จากบทประพันธ์ชื่อเดียวกัน “ นิโคลาส บอส ประธาน และซีอีโอของ Van Cleef & Arpels อธิบาย

งานร่างแบบกุหลาบมอนตากิว

       อย่างไรก็ตาม หนึ่งในผู้จุดประกายความสนใจในการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้กลับเป็นเบนจามิน มิลล์ปิเอด์ นักออกแบบท่าเต้น และนักบัลเลต/นาฏลีลาชาวฝรั่งเศส อดีตผู้อำนวยการคณะปารีส โอเปร่า บัลเลต์ ผู้มาตั้งรกราก พร้อมร่วมงานกับคณะนิวยอร์ก ซิตี้ บัลเลต์ในกรุงนิวยอร์กตั้งแต่ปี 1995 ก่อนแยกตัวมาเป็นศิลปินเดี่ยวเมื่อปี 1998 และพบรักกับนาตาลี พอร์ตแมนระหว่างร่วมงานกันในภาพยนตร์ Black Swan อันลือลั่นตอนต้นปี 2009 จนลงเอยด้วยการใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน พร้อมกับที่ก่อตั้งคณะนักเต้น L.A. Dance Project หนึ่งในองค์กรศิลปะที่ได้รับการสนับสนุนจาก Van Cleef & Arpels

        ตอนที่เบนจามิน มิลล์ปิเอด์ เจ้าของผลงานซึ่งเราให้การสนับสนุนมาตลอดหลายปี บอกกับเราว่า เขากำลังนำบทละครโรเมโอกับจูเลียตมาปรับแต่งเพื่อใช้ในการแสดงระบำปลายเท้าร่วมสมัย นั่นก็จุดประกายความคิดขึ้นในใจผมว่า นี่เป็นโอกาสที่ดีมากหากจะทำการสร้างสรรค์ผลงานขึ้นอีกสักชุด สุดยอดบทประพันธ์ของเชกส์เปียร์เป็นเสมือนจุดเริ่มสำหรับงานออกแบบเครื่องประดับวรรณกรรมคอลเลคชั่นใหม่ อีกทั้งยังเป็นการผสมผสานขนบธรรมเนียมอันเคร่งครัดของงานผลิตเครื่องประดับชั้นสูง, นาฏกรรม, ดนตรี และทัศนศิลป์เข้าด้วยกันได้อย่างท้าทาย

ระหว่างซ้อมการแสดง

        ตลอดประวัติความเป็นมาของ Van Cleef & Arpels จะเห็นได้ว่าเมซงให้ความสำคัญแก่ค่านิยมทางการใช้ความคิดสร้างสรรค์, การส่งผ่านมวลความรู้ ความชำนาญ และแลกเปลี่ยนมุมมองความคิด จนกลายเป็นพันธกิจถาวรในการสนับสนุน และมีส่วนร่วมเชิงวัฒนธรรมบูรณาการอันเอื้อต่อการแลกเปลี่ยน และเชื่อมต่อระหว่างแวดวงการทำงานศิลปะแขนงต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในขอบข่ายนาฏกรรม และทัศนศิลป์

คู่เต้นโรเมโอ กับจูเลียต แสดงบนถนนในลอสแองเจลิส

       ด้วยผลงานอันทรงเอกลักษณ์กว่า 100 ชิ้น จากงานออกแบบศิลปะรูปลักษณ์ ไปจนถึงศิลปะนามธรรม เครื่องประดับอัญมณีชั้นสูงคอลเลคชั่นใหม่ นำมุมมองซึ่งมีต่อโรเมโอกับจูเลียตมาเติมความสดใหม่ โดยอาศัยบทละครโศกนาฏกรรมที่เชกสเปียร์ประพันธ์ไว้เมื่อปีค.ศ. 1597 เรื่องราวความรักของพวกเขาถูกเล่าขานผ่านตัวละครสำคัญ กับบริบท และฉากประกอบ ไม่ว่าจะเป็นฉากบนระเบียงคฤหาสน์, บรรยากาศยามอรุณรุ่ง, บทเพลงขับขานจากมวลวิหค, รูปแบบการจัดแต่งสวน และสถาปัตยกรรมแห่งเวโรนา ตลอดจนความวิจิตรตระการตาของเครื่องประดับ และเครื่องแต่งกายในยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ ทุกอย่างราวกับมีชีวิตอยู่ในผลงานสร้างสรรค์เหล่านี้

ขั้นตอนเตรียมขี้ผึ้งสำหรับใช้หล่อแบบตัวเรือนโลหะทอง

          ในการสร้างขอบเขตพื้นที่ และน้ำหนักทางทรวดทรง, มิติความลึก และร่องลายนูนต่างๆ เครื่องประดับแต่ละชิ้นคือบทระดมงานเจียระไนรัตนชาติหลากรูปแบบ ตลอดจนเทคนิคการฝังขึ้นตัวเรือน และลูกเล่นโดยอาศัยบทบรรจบระหว่างรูปทรงเรขาคณิตกับเส้นโค้ง จากการไล่ลำดับเฉดอย่างละเมียดละไมของบรรดา “อัญมณีมีชีวิต” หรือ Pierres de Caractère (ปิเอรส์ เดอ กาแร็กแตร) เพื่อถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึกอันทรงเอกลักษณ์ของรัตนชาติเม็ดเด่น ไปจนถึงประกายความอบอุ่นจากงานฝังทับทิมขึ้นตัวเรือนด้วยเทคนิคซ่อนหนามเตย ความกระจ่าง สุกใสของเพชรน้ำงามกับความล้ำลึกในเนื้อสีของมรกตโคลอมเบีย

การจัดตำแหน่งเตรียมฝังพลอยลงเขี้ยวหนามเตยบนตัวเรือน

           สีแดงกับสีน้ำเงินหลากโทน อันถือเป็นผู้ปกครองสูงสุดของการใช้สีเฉดต่างๆ ในคอลเลคชั่น ได้รับแรงบันดาลใจมาจากตราประจำตระกูลของสองครอบครัว นั่นคือสกุลคาปุเล็ตของจูเลียต และมอนตากิวของโรเมโอ อีกทั้งเมื่อนำสองเฉดนี้มาผสมเข้าด้วยกัน ก็ยังได้สีม่วง ตัวแทนความรักดื่มด่ำของสองหนุ่มสาว ซึ่งจะผูกพันกันเป็นหนึ่งเดียวไปชั่วกัลปาวสาน ในขณะที่สีเขียว ถูกนำมาใช้เพื่อสะท้อนถึงความหวังอันคอยหล่อเลี้ยงหัวใจให้พวกเขา

สร้อยคอกุหลาบคาปุเล็ตใช้สีชมพูสดเป็นสีสัญลักษณ์ประจำตระกูล จี้ดอกกุหลาบปลดออกเพื่อใช้เป็นเข็มกลัดได้

        ด้วยการใช้เส้นกราฟิกก่อเหลี่ยมมุมในรายละเอียด สร้อยคอ “เวโรนา” คือบทจำลองสถาปัตยกรรมประจำเมือง เจ้าของชื่อสายสร้อยเส้นนี้: ตรอกซอกซอยคดเคี้ยวเลี้ยวลด, ช่องทางลับ กับบรรดาสะพานทอดข้ามแม่น้ำอาดีเจ ซึ่งอาศัยไพลินกับเพชรเป็นตัวแทนระลอกคลื่นบนกระแสน้ำที่ไหลเอื่อย ชิ้นส่วนที่ใช้ในการประกอบเกี่ยวยึดติดกัน ก่อตัวเป็นรูปทรงต่างๆ ทั้งทรงกลม และเรขาคณิตตามแบบฉบับของสร้อยประดับลำคอในสมัยฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ

สร้อยคอเวโรนากับจี้ไพลินที่สามารถปลดออกได้

        ไพลินสีฟ้าสดสุกสกาว น้ำหนัก 23.86 กะรัตใจกลางจี้ เป็นบทสะท้อนอันกลมกลืนกับไพลินเม็ดอื่นๆ ถึงสามเฉดที่ร้อยเรียงลดหลั่นกันบนตัวเรือนสายสร้อยเส้นนี้ ลีลาไล่เฉดอย่างละเมียดละไมช่วยทวีประกายกระจ่างสุกใสสะกดทุกสายตาของอัญมณีเม็ดกลาง ด้วยลูกเล่นพลิกแพลง ทำให้ผลงานชิ้นนี้สามารถดัดแปลงการสวมใส่ได้หลายวิธี ไม่ว่าจะใช้เป็นสร้อยคอเดี่ยวเส้นยาว, สร้อยคอเส้นสั้นที่มาพร้อมสร้อยข้อมือเข้าชุด หรือแยกชิ้นเป็นสร้อยข้อมือสองเส้นกับเข็มกลัด

        แม้กระทั่งแม่น้ำในละครก็สร้างแรงบันดาลใจในการออกแบบเครื่องประดับได้ สีน้ำเงินของไพลินเดี่ยวแบบ Pierres de Caractère ดุจมีชีวิต ถ่ายทอดอารมณ์ของสายน้ำได้อย่างน่าอัศจรรย์โดยอาศัยเพชรน้ำงามเจียระไนหลากรูปทรงจำลองประกายระยิบระยับยามแสงสว่างส่องต้องพลิ้วระลอกคลื่นบนผืนน้ำ สร้อยคอ “อาดีเจ” เส้นนี้ก็เหมือนกับสร้อยคอเวโรนา ซึ่งสืบทอดเอกลักษณ์ทางการพลิกแพลง ดัดแปลงวิธีสวมใส่เครื่องประดับสไตล์ Van Cleef & Arpels ตามธรรมเนียมดั้งเดิมได้อย่างวิจิตรบรรจง

สร้อยคอ “อาดีเจ”

       ฉากระเบียงที่โรเมโอกับจูเลียตต่างบอกรักแก่กันท่ามกลางความมืด ถือเป็นหนึ่งในฉากสำคัญของบทละครเชกส์เปียร์ เข็มกลัดชิ้นนี้จำลองบรรยากาศยามสองหนุ่มสาวลอบปฏิญญารัก: เถาไอวี่ทิ้งตัวลงมาจากระเบียงเพชร พวงใบเขียวขจีดุจมีชีวิตด้วยการไล่โทนสีต่างๆ จากมรกต, โกเมนเขียวส่องซาไวไรท์ และเพชร

 

เข็มกลัด “บัลโกเน่” หรือระเบียงรักเมื่อยังปิดประตู และเปิดประตู

        เมื่อเปิดบานประตูระเบียงออก ปรากฏร่างของคู่รักทั้งสองซึ่งทำจากทองคำสีกุหลาบอยู่ด้านหลัง ต่างกำลังกุมมือกันไว้อย่างอ่อนโยน บ่งบอกถึงจิตใจซื่อตรงที่มีแก่กัน นอกจากจะแสดงออกถึงอารมณ์อย่างสมจริงแล้ว งานออกแบบเข็มกลัดชิ้นนี้ยังเป็นตัวแทนความพิถีพิถัน ใส่ใจในรายละเอียด: ตัวละครทั้งสองถูกแกะสลักขึ้นอย่างวิจิตรบรรจงในท่วงท่าสื่อความรู้สึกอย่างชัดเจน ในขณะที่ระเบียง และหน้าต่าง อาศัยการฝังรัตนชาติทั่วตัวเรือนแม้กระทั่งขอบข้างซึ่งไม่อาจมองเห็น รายละเอียดในลักษณะนี้ คือการเน้นถึงความประณีต หมดจดของ Van Cleef & Arpels ในการรังสรรค์ฉากรักสุดโรแมนติกนี้ภาพ

กำไลปลายเปิด “ฟิโอเร่”

       กำไลปลายเปิดวงนี้สุกสว่างสะดุดตาด้วยพลอยทะเล อะความารีนเจียระไนทรงหยดน้ำ หรือลูกแพร์น้ำงามพิเศษถึงสองเม็ด น้ำหนักรวมกันกว่า 100 กะรัต ด้วยการเทียบสีระหว่างคัดเลือกให้มีความเสมอกันอย่างกลมกลืน พลอยเนื้ออ่อนสีฟ้าน้ำทะเลกระจ่างใสสมจริงเสมือนเป็นตัวแทนน้ำพุแห่งเวโรนา สถานที่ซึ่งเป็นจุดคลายปมความรักระหว่างโรเมโอกับจูเลียต ด้วยการจัดตำแหน่งให้อยู่ตรงข้ามกัน และกันบนปลายเปิดแต่ละด้านของวงกำไล พลอยน้ำทะเลทรงลูกแพร์คู่นี้ทวีความโดดเด่นด้วยประกายสุกสว่างจากการฝังรัตนชาติต่างเฉดล้อมรอบในลูกเล่นลายโมเสก อันประกอบขึ้นจากไพลิน, เพชร, มรกต และพลอยสปีเนลดำขลับ บรรดาอัญมณีทรงกลมต่างขนาดถูกนำมาฝังไล่ลำดับเป็นเส้นโค้งล้อแสงจำลองประกายระยิบระยับบนผิวน้ำ ด้วยลูกเล่นทางความโปร่งใสสุดละเมียดละไม อำนวยให้สามารถมองเห็นลายเกลียวคู่ฝังเพชรบนปลายเปิดทั้งสองของกำไลวงนี้ได้ผ่านเนื้อพลอยสีฟ้ากระจ่างใสดุจน้ำธรรมชาติ เพื่อสื่อถึงความรักที่สองหนุ่มสาวลอบปฏิญญาไว้แก่กัน

สร้อยคอยาว “สวนรุกขชาติ” หรือ “จาร์ดิโน่” ดัดแปลงวิธีสวมใส่ได้

       งานออกแบบสร้อยคอสายคู่เส้นนี้ ทำให้นึกถึงรูปแบบสร้อยไข่มุกยอดนิยมของชนชั้นสูงในยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ เครื่องประดับลำคอเติมเต็มความครบครันของการแต่งกาย ซึ่งมักประกอบขึ้นจากสร้อยคอยาวหนึ่งสาย กับสร้อยคอสั้นอีกหนึ่งเส้น นอกจากนั้น ยังมีการตกแต่งแซมสลับร่วมกับรัตนชาติล้ำค่าชนิดต่างๆ

         สำหรับสร้อยคอยาวสวนรุกขชาติหรือ “จาร์ดิโน่” (Giardino) เส้นนี้ ตัวสายสร้อยถูกร้อยขึ้นจากลูกปัดไพลินกลมกลึงน้ำหนักรวมถึง 451 กะรัต แต่ละเส้นร้อยจี้ที่มีความแตกต่างกัน อันได้แก่จี้มรกตเม็ดกลาง และจี้เพชรพู่ระย้ามรกตลดหลั่นกันตามลำดับ สร้อยคอยาว หรือเส้นนอก ตระการตาด้วยพู่ระย้าร้อยลูกปัดมรกตทิ้งสายลงมาจากห่วงกลัดรูปทรงเรขาคณิตฝังอัญมณีเลอค่า ในขณะที่จี้สลักลายของสร้อยเส้นสั้นวงในสะกดทุกสายตาด้วยมรกตโคลอมเบียน้ำหนักถึง 81.07 กะรัต

         มรกตทรงหกเหลี่ยมทวีความหรูหรา วิจิตรบรรจงด้วยงานแกะสลักลายดอกไม้ทั้งสองด้านเพื่อสื่อถึงสวนศรีแห่งเวโรนา สร้อยคอยาวรุกขชาติจาร์ดิโน่เส้นนี้ มีความสามารถในการพลิกแพลงระดับสูง อำนวยให้ดัดแปลงเป็นสร้อยคอได้ถึง 6 รูปแบบ พร้อมกับยังถอดจี้ออกได้เพื่อรองรับกับทุกอารมณ์ปรารถนา

กำไลข้อมือ “เชิงเทิน” หรือ “แมรลิ”

        กำไลข้อมือวงนี้ จำลองรายละเอียดเชิงสถาปัตย์ประดับเชิงเทินบนป้อมปราการเหนือกำแพงล้อมกรุงเวโรนาอันโด่งดังในยุคกลาง เทคนิคการฝังทับทิมขึ้นตัวเรือนแบบซ่อนหนามเตย (Mystery Set) ตัวแทนไหวพริบในการพลิกแพลงความชำนาญด้านเครื่องประดับของ Van Cleef & Arpels มาตั้งแต่ทศวรรษ 1930 ทำหน้าที่แสดงให้เห็นถึงความวิจิตรบรรจงของสถาปัตยกรรมการตกแต่งอันเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบอย่างชัดเจน พลอยเนื้อแข็งสีแดงสดเข้มแต่ละเม็ดถูกวางเรียงชิดกันอย่างหมดจดเพื่อบดบังตัวเรือนโลหะที่รองรับอยู่เบื้องล่าง ให้การล้อแสงเป็นประกายเงางามในเนื้อสีกระจ่างใสสะกดสายตา เมื่อร่วมกับรูปทรงโค้งของตัวเรือนวงกำไลทองคำขาว ก็ช่วยในการยกความสูงให้แก่จุดรับแสง ในขณะที่ชิ้นส่วนโมทิฟลายดอกไม้ฝังเพชรอาศัยงานออกแบบสไตล์เรอเนซ์ซองส์ถูกนำมาประกบต่อกันอย่างได้สัดส่วน อำนวยให้วงกำไลมีความยืดหยุ่นยามสวมใส่บนข้อมือ

ข้อมูลเพิ่มเติม: L.A. Dance Project ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยเบนจามิน มิลล์ปิเอด์ นักออกแบบท่าเต้น และนักเต้นผู้มีชื่อเสียงระดับสากล หาได้เป็นแค่บริษัทคณะระบำ ทว่ายังเป็นกลุ่มบุคคลผู้เปี่ยมพรสวรรค์อย่างแท้จริงซึ่งร่วมกันมอบนิยามใหม่ให้แก่งานระดมมุมมองศิลปะมาสรรค์สร้างโครงการการแสดง ด้วยการร่วมงานกับศิลปินต่างสาขา ทั้งจากแวดวงภาพยนตร์ไปจนถึงทัศนศิลป์แขนงต่างๆ นี่คือการผจญภัยอันทรงเอกลักษณ์เพื่อขยายขอบเขตของศิลปะนาฏกรรมผ่านการแสดงระบำปลายเท้า และงานเต้นร่วมสมัย อันดำเนินขึ้นทั้งภายใน และภายนอกบรรยากาศของโรงละคร หรือโรงมหรสพตามธรรมเนียมดั้งเดิม

STORY BY วรวุฒิ พยุงวงษ์

PHOTO Courtesy of Van Cleff & Arpels

 

ABOUT THE AUTHOR
วรวุฒิ พยุงวงษ์

วรวุฒิ พยุงวงษ์

At boundary of athletics and beauty, I write and play

ALL POSTS