HAPPENING BKK
NLINE MAGAZINE
×
เสื้อผ้าเป็นมากกว่าแฟชั่น fashion statement มีจริงนะ
by ขเจน
24 ม.ค. 2561, 01:10
  4,295 views

ขึ้นปีใหม่มาจนจะจบเดือนมกราคมแล้วแต่หายตัวไปไม่ได้เขียนอะไรเลย กราบขออภัยทุกท่านที่รอติดตามงานเขียนของเรา (ถ้ามี 55) มา ณ ที่นี้ จริง ๆ ช่วงที่ผ่านมา มีหลายอย่างเกิดขึ้นในแวดวงแฟชั่นจนไม่รู้จะหยิบเรื่องไหนมาพูดถึงก่อน เอาสด ๆ ร้อน ๆ สองสามวันมานี้คงหนีไม่พ้นเรื่องการหวนคืนวงการแฟชั่นหลังจากหมดสัญญากับ Saint Laurent เมื่อสองปีที่แล้วของ Hedi Slimane แต่คราวนี้ Hedi จะกลับมาในฐานะ Artistic, Creative และ Image Director ของ Céline แบรนด์เก่าแก่สัญชาติฝรั่งเศสที่รุ่งโรจน์ขึ้นมาตลอดสิบปีนี้ด้วยฝีมือของ Phoebe Philo ดีไซเนอร์ชาวอังกฤษที่ทำให้ Céline มีภาพลักษณ์ที่โดดเด่นมาก ๆ สำหรับงาน womenswear ทั้งในแง่การออกแบบเสื้อผ้า รองเท้า แอคเซสซอรี่ต่าง ๆ และโดยเฉพาะกระเป๋า ที่ขายดีเทน้ำเทท่ามาจนถึงทุกวันนี้ โดยส่วนตัว พอเห็นข่าวก็นึกกลัวว่า ภาพลักษณ์ของ Céline ซึ่งมันดีอยู่แล้ว จะเปลี่ยนไปจนไม่เป็น Céline อย่างที่เป็นมา แม้ว่าเราจะชอบงานของ Hedi Slimane มาตั้งแต่สมัย Dior Homme แต่เราแอบรู้สึกว่า แนวทางการดีไซน์และสไตล์ของคุณ Hedi มันไม่ใช่ Céline เอาซะเลย แต่ก็นั่นแหละ เราจะไปรู้อะไรดีกว่าคุณ Bernard Arnault นายใหญ่ของบริษัท LVMH เจ้าของ Céline ล่ะ ในเมื่อ 4 ปีที่ Saint Laurent ของ Hedi ทำให้ Saint Laurent เติบใหญ่ซะขนาดนั้น เค้าก็คงจะคาดหวังความตู้มแบบนั้นกับ Céline ที่ว่ากันว่าจะมี menswear line ออกมาด้วยแน่นอนอยู่แล้ว เราว่าเรื่องของการสร้างแบรนด์แฟชั่นที่มีราก ให้ยิ่งใหญ่ขึ้นในแง่ของยอดขายด้วยดีไซเนอร์หรือ(อาจจะนักการตลาด)เก่ง ๆ นี่แหละที่ทำให้ connection ระหว่างเรากับแบรนด์ถีบตัวห่างออกไปทุกที ไม่เหมือนงานของดีไซเนอร์อิสระที่ทำงานสร้างสรรค์เชิงพาณิชย์ก็จริง แต่เราสัมผัสได้ว่างานทุกชิ้นของเขา มีหัวใจ พูดถึงการเปลี่ยนตัวดีไซเนอร์แล้ว เราว่ามันไม่ใช่แค่ช่วงนี้ แต่มันเป็นหลายปีมานี้แล้วเลย ที่ดีไซเนอร์หลายคน ไม่อยู่เฉย แต่ลาออก (หรือโดนแซะออก) กันเป็นว่าเล่น ล่าสุดนอกจาก Phoebe Philo จะอำลาตำแหน่งที่ Céline ก็มี Kim Jones ที่เพิ่งลาออกจาก Louis Vuitton ซึ่งข่าวก็เม้าท์กันไปอีกว่าจะไปแทน Christopher Bailey ที่เพิ่งลาออกจาก Burberry หลังอยู่มาเกือบ 20 ปี Raf Simons ก็เพิ่งไปเริ่มงานที่ Calvin Klein ได้ไม่นานเท่าไหร่ แต่สำหรับราฟ คงไม่มีอะไรต้องห่วง เพราะหยิบจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทอง คนที่น่าห่วงอาจจะเป็น Maria Grazia Chiuri ที่บินจากโรมมาอยู่ Dior ที่ปารีสได้หลายซีซั่นแล้ว แต่ดูเหมือนงานยังไม่ค่อยเปรี้ยงเท่าไหร่ ส่วนคนที่ออกจากแบรนด์ต่าง ๆ ไปโดยที่ยังไม่ไปลงเอยที่ไหนก็มีอีกหลายคน เช่น Alber Elbaz ที่ออกจาก Lanvin มาสองสามปีแล้ว หรือ Riccardo Tisci นี่ก็ลาออกจาก Givenchy น่าจะเป็นปีแล้วเหมือนกัน ฯลฯ – ถ้าจะอัพเดทเรื่องการโยกย้ายตำแหน่งและการลาออกของแฟชั่นดีไซเนอร์ เขียนกันยาวสิบหน้าก็อาจจะยังไม่จบ กระโดดข้ามไปยังเรื่องที่ยังคงเป็นกระแสคุกรุ่นในฮอลลีวู้ดก็คือเรื่องของแคมเปญ Time’s Up ที่ผู้หญิงในฮอลลีวู้ดรวมตัวกันลุกขึ้นมาต่อสู้ ปกป้องศักดิ์ศรีของผู้หญิง ต่อเนื่องมาจากหลากหลายกรณีที่มีข่าวเรื่องผู้ชายทรงอำนาจหลายคนคุกคามทางเพศผู้หญิงในฮอลลีวู้ด นำไปสู่การที่ดารานักแสดงน่าจะ 99% เลยทีเดียวที่มางานลูกโลกทองคำเมื่อวันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมา เลือกชุดราตรีสีดำมาใส่เพื่อเป็นการแสดงออกในเรื่องนี้ เราคิดว่าเรื่องนี้น่าสนุกดี เพราะเราเชื่อเสมอว่า เสื้อผ้าอาจจะมีไว้ปกปิดร่างกาย และใส่เพื่อความสวยงามก็จริง แต่เสื้อผ้ายังสามารถเป็นอะไรได้มากกว่านั้นเสมอ ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนที่สุดก็คือ ทุกลุคเวลาออกงานของอดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 อย่าง Michelle Obama ที่เป็นภริยาผู้นำสหรัฐฯอยู่แปดปี เธอจึงมีโอกาสใช้แฟชั่นและเสื้อผ้าที่เธอเลือกสวมใส่ในการแสดงออกทางการเมืองและสังคมได้บ่อยครั้ง เริ่มกันตั้งแต่ลุคแรกที่เธอใส่ในพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีของสามีที่เธอเลือกเดรสและเสื้อโค้ทสีเหลืองสวยของ Isabel Toledo ดีไซเนอร์อเมริกันเชื้อสายคิวบา ส่วนในงานบอลค่ำวันเดียวกัน หลังประธานาธิบดีบารัค โอบามารับตำแหน่งแล้ว (inaugural ball) เธอเลือกชุดราตรียาวผ้าชีฟองสีขาวของ Jason Wu ดีไซเนอร์ที่เกิดในไต้หวันแต่ว่ามาทำงานแฟชั่นอยู่นิวยอร์กมาใส่ ทั้งสอง choice เป็นการแสดงออกที่ชัดเจนในแง่ของการสนับสนุนแบรนด์แฟชั่นแบรนด์เล็ก ๆ ที่งานดีแต่ยังไม่ได้เปรี้ยงปร้างในตอนนั้น พอมี state dinner ครั้งแรก มิเชลล์ยังเลือกชุดราตรีของ Naeem Kaan ดีไซเนอร์อเมริกันเชื้อสายอินเดียมาใส่เพื่อต้อนรับนายกรัฐมนตรีอินเดียที่แวะมาเยือนอย่างเป็นทางการอีก อันนี้ก็ค่อนข้างชัดเจน พูดแล้วก็ต้องเล่าต่อว่า ในช่วงปีสุดท้ายของการดำรงตำแหน่งสตรีหมายเลขหนึ่ง มิเชลล์โดนวิจารณ์อยู่หลายรอบเรื่องที่ไม่ได้เลือกเสื้อผ้าเพื่อสื่อความหมายอย่างที่เธอเคยทำมามากเท่าไหร่ เป็นอารมณ์เจองาน Alexander McQueen สวยก็เลือกมาใส่ แต่ใส่ไปรับประธานาธิบดีจีน โดยส่วนตัวเราก็มองว่าไม่ผิดอีก ในเมื่อทำมาตลอดแล้ว และปีสุดท้ายจะขอปลดปล่อยด้วยการใส่อะไรที่สวยและอยากใส่บ้าง ก็ไม่เห็นจะเสียหาย อีกตัวอย่างหนึ่งที่เคยอ่านเจอนานมาแล้ว พยายามจะหาหลักฐานอ้างอิงออนไลน์แต่หาไม่เจอ ขอเล่าเท่าที่จำได้ก็แล้วกัน เรื่องนี้มาจากคำสัมภาษณ์ของ Alber Elbaz อดีตดีไซเนอร์ของ Lanvin ที่เล่าว่าเคยมีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งในนิวยอร์กส่งข้อความมาหา บอกว่า กำลังเดินทางไปศาลเพื่อต่อสู้ในคดีฟ้องหย่ากับอดีตสามี รู้สึกสูญเสียกำลังใจมาก ตื่นเช้าขึ้นมาเลยตัดสินใจใส่ชุดของ Lanvin ไปศาลวันนี้ เพราะใส่แล้วรู้สึกมั่นใจ และมีกำลังใจขึ้นหน่อย เหมือนมีเกราะที่อย่างน้อยก็ช่วยปกป้องตัวเองได้ในระดับหนึ่ง อ่านแล้วเข้าใจอารมณ์ของผู้หญิงคนนี้มาก ๆ เพราะส่วนตัวก็เคย เอิ่ม อกหักอยู่วันหนึ่ง แต่ก็ไม่สามารถจะลางานนอนร้องไห้ไม่เจอหน้าใครอยู่บ้านได้ (ดราม่าซะไม่มี) สิ่งที่ทำก่อนออกจากบ้านวันนั้นคือหยิบเสื้อตัวที่สวยที่สุด ถนอมไว้ในตู้เสื้อผ้าแบบไม่ค่อยได้ใส่ที่สุดเพราะกลัวเก่า ออกมาใส่ แล้วทำไปทำมาก็สามารถผ่านวันนั้นไปได้ตามปกติ จบดราม่าซะงั้น ไปดีกว่า สวัสดีปีใหม่คนอ่านทุกคนมา ณ ที่นี้นะฮะ #ยิ้มมุมปาก

ABOUT THE AUTHOR
ขเจน

ขเจน

ทำงานเขียนในบริษัทพีอาร์ แต่ว่าบ้าหนังและชอบแฟชั่นจนพาตัวเองออกเดินทางแรดอะราวด์ไปทั่วโลกเพื่อดูหนังและชาบูดีไซเนอร์ที่ชอบ แต่ทุกคนคิดว่าหาเรื่องไปช้อปปิ้งมากกว่า #เอิ่ม

ALL POSTS